https://www.natethip.com/news.php?id=10426
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://www.natethip.com/news.php?id=10426
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์//กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมจัด “งานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย” ครั้งที่ 20 ประจำปี 2568 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 ที่ทรงสืบสานและทรงให้ความสำคัญกับผ้าไหมไทยพร้อมผลักดันมาตรฐานไหมไทย มุ่งสร้างชื่อเสียง สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กรมหม่อนไหม มีการดำเนินงานที่สำคัญเพื่อทำให้เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ใช้ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับมาตรฐานสินค้า
อีกทั้งส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และมุ่งเน้นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านหม่อนไหมให้คงอยู่เป็นมรดกของชาติ ตลอดจนสนับสนุนให้เป็น Soft Power ของไทย เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการด้านหม่อนไหมและประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นอกจากนี้อาชีพหม่อนไหมใน ปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงอาชีพที่ทำเพื่อผลิตผ้าไหมเพียงอย่างเดียว แต่ได้รับการพัฒนาให้มีการขยาย Value Chain ออกไปในหลากหลายสินค้า ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้หลายพันล้านบาทต่อปี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมหม่อนไหม จึงได้กำหนดจัด “งานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย” ครั้งที่ 20 เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่ทรงสืบสานและทรงให้ความสำคัญกับผ้าไหมไทย เป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ้าไหมไทยคุณภาพผลิตภัณฑ์จากหม่อนและไหม รวมทั้งภารกิจและผลงานของกรมหม่อนไหมให้เป็นที่รู้จัก ตลอดจนเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ้าไหมไทยตรานกยูงพระราชทาน ผลิตภัณฑ์จากหม่อมและไหมของเกษตรกรให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง
นายนวนิตย์ พลเคน อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัด “งานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย” ในปีนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 20 ภายใต้แนวคิด “มหัศจรรย์หม่อนไหม สร้างเศรษฐกิจไทยยั่งยืน” โดยมีกิจกรรมภายในงานที่น่าสนใจมากมาย อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ นิทรรศการตรานกยูงพระราชทาน จัดแสดงผลงานการประกวดเส้นไหม ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน และผลิตภัณฑ์หม่อนไหม ที่ได้รับรางวัลพระราชทาน ประจำปี 2568 นิทรรศการ”70 พรรษา 70 ภูมิปัญญาผ้าไหมไทย” นิทรรศการทายาทหม่อนไหมในโรงเรียนและชุมชน ผลงานการประกวดเส้นไหม ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานและผลิตภัณฑ์หม่อนไหม ประจำปี 2568 ผลงานของกรมหม่อนไหม และการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับหม่อนไหม เป็นต้น รวมทั้งยังมีการออกร้านจำหน่ายผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ไหมไทย และสินค้า – หม่อนไหม จำนวน 228 ร้านค้า
นอกจากนี้ ผ้าไหมที่นำมาจำหน่ายในงานก็มีหลากหลายประเภทให้เลือกชม เลือกซื้อ เช่น ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน ผ้าไหมอัตลักษณ์จากทั่วทุกภาคของประเทศไทย สินค้าแปรรูปต่าง ๆ จากหม่อนและไหม เช่น อาหาร ขนมเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง เครื่องประดับ และของแต่งบ้าน เป็นต้น พร้อมกิจกรรมสาธิตและการแสดงต่าง ๆ ตลอดงาน พร้อมทั้งมีคูปองโปรโมชั่นพิเศษแจกตลอดงาน เพื่อให้ประชาชนได้นำไปซื้อผ้าไหมในราคาพิเศษ
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วม “งานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย” ครั้งที่ 20 ประจำปี 2568 ในระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 6-7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี:Cr:มณสิการ รามจันทร์
https://linevoom.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1175323143488206779?
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์//สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT แถลงข่าวเตรียมจัด “งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 8 (GIT 2025)” ในธีม : Responsible Gem & Jewelry Supply Chain ตอกย้ำบทบาทของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางทางวิชาการชั้นนำในสาขาอัญมณีและเครื่องประดับของภูมิภาค พร้อมเชิญผู้เชี่ยวชาญและผู้นำความคิดจาก ทั่วโลก ร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ อัปเดตแนวโน้ม นวัตกรรม และงานวิจัยล้ำสมัย รวมถึงแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ตลอดจนการสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาจากทั่วโลก หวังประเทศไทยเป็นผู้นำทางความคิดและนวัตกรรมในชุมชนอัญมณีและเครื่องประดับระดับโลก ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 8 – 9 กันยายน 2568
นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT มีกำหนด จัดงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 8 (GIT 2025) ขึ้นระหว่างวันที่ 8 ถึง 9 กันยายน 2568 เพื่อตอกย้ำบทบาทของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางทางวิชาการชั้นนำในสาขาอัญมณีและเครื่องประดับของภูมิภาค เพื่อเปิดเวทีการประชุมที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับโลก นักวิชาการ นักวิจัย นักออกแบบ ผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากทั่วโลก มาร่วมแลกเปลี่ยนความองค์ความรู้ นำเสนอผลงานทางวิชาการ และอภิปรายเกี่ยวกับนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
โดยในการจัดงานในครั้งนี้มุ่งเน้นด้านอุตสาหกรรมอัญมณีและความยั่งยืน ซึ่งมีผู้ตอบรับเข้าร่วมทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ สถาบันการศึกษา และองค์กรในอุตสาหกรรม เช่น สมาคมช่างทองไทย สมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงิน สมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี สมาคมค้าทองคำ และสถาบัน Gemological Institute of America”
งานประชุมครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับมาตรฐานของภาคอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย รวมทั้งการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติที่เข้มแข็ง ที่ไม่เพียงแสดงถึงขีดความสามารถทางวิชาการและความเป็นผู้นำของสถาบันในระดับโลกเท่านั้น แต่ยังมีส่วนในการกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรม โดยจะเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดซื้อจัดจ้าง และการจัดหาอย่างรับผิดชอบ
การออกแบบเชิงนวัตกรรม และรูปแบบธุรกิจที่มีจริยธรรม รวมถึงมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะ “ศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก” อีกด้วย
ทั้งนี้ GIT ได้จัดงานประชุมอัญมณีและเครื่องประดับอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ. 2549 ทุกครั้งได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งและประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยงานประชุมที่ผ่านมาไม่เพียงแต่เป็นเวทีทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำหรับสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อนร่วมวงการ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม นับเป็นโอกาสในการพบปะกับพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงร่วมกันสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งในอนาคต
งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 8 (GIT 2025) จะต้อนรับผู้ร่วมงานจากทั่วโลกภายใต้ธีม “Responsible Gem & Jewelry Supply Chain” ระหว่างวันที่ 8 – 9 กันยายน 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังจะได้รับโอกาสพิเศษเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 72 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 13 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย
สำหรับหัวข้อในการนำเสนอผลงานทางวิชาการที่น่าสนใจ โดยวิทยากรระดับโลก มีดังนี้
วันที่ 8 กันยายน 2568
เวทีกลาง พบกับวิทยากรหลัก นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานผู้ก่อตั้งบริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่จำกัด (มหาชน) หัวข้อ: Towards a Sustainable Future for the Thai Gem and Jewelry Industry,Mr. Wallace Chan นักรังสรรค์จิวเวลรี่ระดับโลกชาวจีน หัวข้อ: Future Trends: Sustainability in Jewelry Art 2025, ศ.ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) หัวข้อ: Transforming Thailand’s Gem and Jewelry Industry through Research and Innovation, Mrs. Ashoo Sinchawla กรรมการผู้จัดการ บริษัท สันต์ เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด หัวข้อ: The Role of Women in the Gem and Jewelry Industry.
พบกับวิทยากรรับเชิญ Mr.Kinjal Shah ตัวแทนจาก Responsible Jewellery Council (RJC),ม.ล.ปรมาภรณ์ เทวกุล ตัวแทนจาก Precious Metal Refining Company Limited Mr. Wasantha Gamlath ตัวแทนจาก Gem and Jewellery Research and Training Institute (GJRTI), Mr. Tobias Häger ตัวแทนจาก Johannes Gutenberg University, ดร.พรสวาท วัฒนกูล ผู้ เชี่ยวชาญด้านอัญมณีและเครื่องประดับ, นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ตัวแทนจาก บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน), Ms. Song Zhonghua ตัวแทนจาก National Gems & Jewelry Testing Group (NGTC), China, ดร.วสุรา สุนทรตันติกุล ตัวแทนจาก สถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งอเมริกา (GIA)
วันที่ 9 กันยายน 2568
เวทีกลาง พบกับวิทยากรหลัก Mr. Edward Johnson ตัวแทนจาก Gemfields Group หัวข้อ: Building a Responsible Coloured Gemstone Supply Chain, Mr. Kenneth Scarratt ตัวแทนจาก CIBJO Academy หัวข้อ: Transparency is not an option, it is a necessity, Mr. Richard W. Hughes ตัวแทนจาก Lotus Gemology หัวข้อ: Describing Color in Gems: A Fool’s Guide
พบกับวิทยากรรับเชิญ Mr. Daniel Nyfeler Ph.D กรรมการผู้จัดการ Gübelin Gem Lab,Ms. Anna Minakova ตัวแทนจาก Eurus Gallery, และพบกันผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมากมายมาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ได้แก่ Mr. Vincent Pardieu ผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณี นายทนง ลีลาวัฒนสุข รองผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) Dr.Liu Shang I, Edward ตัวแทนจาก The Gemmological Association of Hong Kong: GAHK และปิดท้ายโดยProf.Yan Li ตัวแทน Wuhan University ประเทศจีน
พลาดไม่ได้กับ “งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 8 (GIT 2025)” ในธีม : Responsible Gem & Jewelry Supply Chain ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 8 – 9 กันยายน 2568 :Cr;มณสิการ รามจันทร์
https://www.natethip.com/news.php?id=10425
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://www.natethip.com/news.php?id=10425
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://www.natethip.com/news.php?id=10423
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
นางสาวกาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนาเรื่อง “ขับเคลื่อนการเกษตรด้วย Big Data: สู่จังหวัดยุคดิจิทัล” ณ ห้องประชุม Nada Ballroom โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น นาดา ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพมหานคร โดยการจัดงานของศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ พร้อมด้วยหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วม
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต้องปรับตัวและเตรียมความพร้อมเข้าสู่ยุคของการวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ ทำให้มีความต้องการใช้ประโยชน์ข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐเพิ่มมากขึ้นในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาเกษตรที่มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ประกอบกับความต้องการข้อมูล ในระดับพื้นที่มีเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีข้อมูลในการตัดสินใจได้ตรงกับสถานการณ์และปัญหาของแต่ละพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลภาครัฐยังขาดการบูรณาการข้อมูลระหว่างกัน อีกทั้งยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไข
สศก. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำฐานข้อมูล Big Data ภาคเกษตรของประเทศ ได้จัดทำโครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลการเกษตร มีการรวบรวมชุดข้อมูล (Datasets) จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงข้อมูลเข้าสู่ฐานข้อมูล ด้านการเกษตร โดยฐานข้อมูลด้านการเกษตรแห่งชาติจะเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ภาคการเกษตร ที่มีข้อมูลครอบคลุมทั้งด้านเกษตรกรและด้านสินค้าเกษตรที่สำคัญตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อใช้ประกอบในงานเชิงนโยบายของภาครัฐ ให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาลที่จะยกระดับการพัฒนาหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกรไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
การดำเนินงานดังกล่าว สอดคล้องกับแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. 2566 – 2570 ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความสะดวกแก่ภาคธุรกิจด้านการเกษตร ซึ่งมุ่งเน้นให้เกษตรกรเข้าถึงข้อมูลทุกมิติ ผ่านแพลตฟอร์มกลางข้อมูลเกษตรกรรมของประเทศ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการผลิตให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่
นายสุชาติ ผุแปง ผู้อำนวยการศูน์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (ศกช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า สศก. โดย ศกช. ได้จัดทำแพลตฟอร์ม Big Data เกษตรเพื่อการบริหารจังหวัด (AgriDataProv) เป็นการขับเคลื่อนการเกษตรด้วย Big Data สู่จังหวัดดิจิทัล เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่แม่นยำและเป็นปัจจุบัน รวมทั้งใช้ข้อมูลร่วมกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แพลตฟอร์มนี้เป็นการรวบรวมและเชื่อมโยงชุดข้อมูลของหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อจัดทำเป็น Dashboard นำเสนอชุดข้อมูลที่สำคัญในพื้นที่ แบ่งออกเป็น 9 ด้าน ดังนี้ 1.ข้อมูลพื้นฐานทั่วไป 2.เศรษฐกิจการเกษตร 3.การผลิตสินค้าเกษตร 4.มาตรฐานสินค้าเกษตร 5.การชลประทาน 6.ที่ดิน 7.สถาบันเกษตรกร 8.โครงการสำคัญ และ 9.ปัญหาและอุปสรรค
การจัดทำและพัฒนา Big Data ระดับจังหวัดเป็นการบริหารจัดการฐานข้อมูลภาคการเกษตรของประเทศผ่านเทคโนโลยี มีการเชื่อมโยงข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน นำเสนอข้อมูลแก่ผู้ใช้ให้เข้าใจง่ายในการนำไปใช้ประโยชน์ และคำนึงถึงพื้นฐานของการทำ Big Data เพื่อสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในอนาคต ระบบนี้จะพัฒนาให้สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเปิดให้ผู้สนใจใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้ตามความเหมาะสมในระยะต่อไป และที่สำคัญคือเกษตรกรต้องได้รับประโยชน์โดยตรง สามารถพัฒนาการผลิตและการวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในยุคปัจจุบัน
การขับเคลื่อนการเกษตรด้วย Big Data สู่จังหวัดดิจิทัลจะนำไปสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายด้านการเกษตร การบริหารจัดการ และบริการภาครัฐที่ตอบสนองความต้องการของพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการสัมมนาในครั้งนี้จึงนับเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Big Data เกษตรเพื่อการบริหารจังหวัด
การเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Big Data เกษตรเพื่อการบริหารจังหวัด จะช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลที่แม่นยำและเป็นปัจจุบัน เกษตรกรสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกมิติผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว และนำไปใช้ตัดสินใจในการผลิตให้เหมาะสมกับพื้นที่ รวมทั้งใช้ข้อมูลร่วมกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งหมดนี้ จะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาให้ภาคเกษตรเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน และมีศักยภาพพร้อมเผชิญความท้าทายในอนาคต.
https://linevoom.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1175314539384761857?
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)