http://www.natethip.com/news.php?id=2847
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=2847
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=2846
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=2845
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์// ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อาคารเทเวศร์ เมื่อวันที่ 20ส.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เข้าให้ข้อมูลกับ ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย กรณีถูกอ้างชื่อว่ามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องเปลี่ยนความเร็วรถ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งนำมาสู่การสั่งไม่ฟ้อง “บอส อยู่วิทยา”
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้นำข้อมูลชี้แจงกับ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ว่าในวันดังกล่าว (26 กุมภาพันธ์ 2559) ตนเองไม่ได้อยู่ในประเทศไทย เนื่องจากมีภารกิจในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ต้องเดินทางไปประชุม FIFA CNGRESS 2016 ที่ เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีวาระสำคัญคือ เลือกตั้งประธานฟีฟ่า โดยเดินทางออกจากประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 และเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2559
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่า “ขอบคุณคณะกรรมการชุด ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ ที่เปิดเวทีให้พิสูจน์ตัวเอง และตนเองไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่มีการหารือใดๆทั้งสิ้น ส่วนใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบ เมื่อเป็นข่าวออกไปแล้วถูกสังคมพิพากษา ตนเองและครอบครัวก็ได้รับผลกระทบ ทุกคนก็มองว่าตนเองเป็นคนไม่ดี เป็นคนเลวที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ และที่ยังไม่ออกมาชี้แจงตั้งแต่แรก เพราะอยากรู้จักคนว่าใครคือเพื่อนแท้ ใครคือคนที่เข้ามาให้กำลังใจ และใครคือคนที่ รอซ้ำเติมทำร้ายตนเอง และรับได้กับสิ่งที่ผ่านมารู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป”
สำหรับ ข้อมูลต่างๆ ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง มอบให้แก่ ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ยืนยันว่า ในวันที่ 24-27 ก.พ.2559 ได้เดินทางไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองซูริก เพื่อเลือกประธาน FIFAคนใหม่
23 ก.พ.2559 ช่วงกลางดึก ออกเดินทางด้วยสายการบินไทย จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังสนามบินซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
24 ก.พ.2559 เวลา 06.55 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงสนามบินซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (เวลาแตกต่างจากประเทศไทย 5 ชั่วโมง)
25 ก.พ.2559 เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ทที่ โรงแรมแมริออท เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ FIFA และ AFC
26 ก.พ.2559 การเลือกตั้งประธาน FIFA (คนใหม่) ณ ฮัลเลน สตาดิโอน สนามอินดอร์สเตเดียม เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
27 ก.พ.2559 เวลา 13.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ออกเดินทางจากสนามบินซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กลับประเทศไทย
28 ก.พ.2559 เวลา 06.10 น. (เวลาประเทศไทย) เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์//SUSCO Smart Member ความคุ้มค่าจากการเติมน้ำมัน “ซัสโก้” โดยสมาชิกจะได้รับแต้มสะสม เพื่อนำมาใช้แลกรับสิทธิประโยชน์มากมาย ทุก 1 ลิตร จะได้รับ 1 คะแนน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมกิจกรรมต่างๆ การใช้แต้มแลกซื้อสินค้าในร้านค้า และโอนคะแนนระหว่างกลุ่มพันธมิตรธุรกิจ อาทิ The One Card และ xCash ที่สามารถโอนแลกแต้ม และนำไปใช้ชำระค่าสินค้า ให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น SUSCO Smart Member ยังจับมือกับร้านค้าที่อยู่ภายในสถานีบริการน้ำมัน จัดแคมเปญพิเศษให้สมาชิกได้นำแต้มมาใช้เป็นส่วนลด และแลกรับสินค้าต่างๆ อีกด้วย โดยล่าสุดเชิญชวนให้สมาชิก SUSCO Smart Member นำแต้มมาใช้ที่ สถานีน้ำมันซัสโก้ สาขาหัวหมาก โดยมีร้านค้าที่เข้าร่วมกิจกรรม ดังนี้
Evaime กับ E-Pot ชาบูหม้อ ในแบบฉบับคนรุ่นใหม่ บรรจุในหม้อพร้อมทาน เพียงเติมน้ำ‼️ ชาบูก็เดือนสุกได้ด้วยนวัตกรรมใหม่ ไม่ต้องใช้เตาใดๆ โดยสมาชิก SUSCO Smart Member สามารถนำแต้ม จำนวน 100 คะแนน มาแลกเป็นส่วนลดหม้อ E-Pot ได้ 100 บาท ทันที จากราคาปกติ 199 บาท⚡️เหลือเพียง 99 บาท หม้อไฟชาบู E-Pot รสชาติอร่อย น้ำซุปรสชาติดี วัตถุดิบที่ให้มาถือว่าค่อนข้างครบเครื่อง แล้วยังมีน้ำจิ้มรสเด็ด จิ้มกันแล้วเสริมรสชาติได้เป็นอย่างดี ทำให้กลายเป็นสินค้าขายดี ได้รับความนิยมของคนรุ่นใหม่อินเทรนด์ นอกจาก สาขาหัวหมากแล้ว ยังสามารถนำแต้มแลกได้ที่ สาขาติวานนท์, สาขาราชพฤกษ์, สาขาสุขาภิบาล3/2, สาขาศรีนครินทร์ 1,สาขาวังหิน , สาขายานนาวา,สาขาเพชรเกษม (บางแค2), สาขากาญจนาภิเษก และ สาขาธนบุรี-ปากท่อ กม.6
ข้าวแกงกับนครฯ ร้านอาหารไทยสไตล์ปักษ์ใต้ รสชาติเข้มข้น มีเมนูอาหารให้เลือกหลายสิบรายการ สามารถตักราดข้าว หรือ สั่งเป็นกับข้าว ก็ได้ตามสะดวก พิเศษไปกว่านั้น ร้านนี้มี น้ำพริกกะปิ และผักสด ให้บริการฟรี กับลูกค้าทุกๆ ท่าน ตักไปกินที่โต๊ะกันได้ตามใจชอบ เมนูเด็ด คือ แกงเหลือง ผัดสะตอ ผัดใบเหลียง เป็นต้น สำหรับ SUSCO Smart Member สามารถใช้แต้ม จำนวน 100 แต้ม แลกรับส่วนลด 10 บาท แลกได้สูงสุด 500 แต้ม แลกรับส่วนลด 50 บาท อาหารร้านนี้ คุณภาพดี ราคาสมเหตุผล ข้าวแกงแบบตักราด ราคาอยู่ที่ประมาณ 40-50 บาท เท่านั้น
ร้านเป้าปิง..น้ำแข็งใส ขนมหวานหลากหลายเมนู เลือกประกอบร่างได้ตามใจชอบ มีตั้งแต่ ทับทิบกรอบมะพร้าวกะทิ รากบัว เผือก มัน ลูกชิด ข้าวโพด ใส่น้ำหวานแล้วราดด้วยน้ำกะทิข้นๆ แล้วยังมีไอศกรีมกะทิ ให้บริการอีกด้วย SUSCO Smart Member สามารถใช้ 100 แต้ม แลกรับส่วนลด 40 บาท หากราคาเกินจ่ายส่วนต่าง ขนมถ้วยใหญ่ ให้ปริมาณเยอะแบบกินแล้วอิ่มกันไปเลย เป็นร้านแนะนำที่ควรแวะมาทาน
ร้านขายยา Goods Pharmacy ภายในสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ มีร้านค้าให้บริการหลากหลาย ร้านขายยาก็มีเปิดให้บริการ สำหรับ ซัสโก้ สาขาหัวหมาก ร้านที่เปิดให้บริการคือ Goods Pharmacy ให้บริการคำปรึกษาจากเภสัชกรที่มีความรู้ สินค้าประเภทยา เวชสำอาง และอาหารเสริม ครบครัน SUSCO Smart Member ใช้ 250 แต้ม แลกรับหน้ากากผ้าอนามัยได้ฟรี ยิ่งไปกว่านั้น ยังใช้ 100 แต้ม แลกรับส่วนลดได้ 10 บาท ในการชอปปิงเวชสำอาง
นอกจากนี้ ภายในสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ สาขาหัวหมาก ยังมีร้านค้าให้บริการอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อลอว์สัน108, ร้านลูกชิ้นจัง ลูกชิ้นกรอบสนั่นกับน้ำจิ้มรสเด็ด, ร้านขนมจีนโคราช น้ำยาหลากหลาย แนะนำ น้ำยาปลาดุกใส่ปลาร้า น้ำยาป่า น้ำยากะทิใส่ตีนไก่ แล้วยังมีผัดหมี่โคราช ข้างๆ มีร้านNUB คาเฟ่ ให้บริการเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ แวะไปใช้บริการเรียกว่าได้ทุกอย่างครบครันจริงๆ โดยเฉพาะสมาชิก SUSCO Smart Member สำหรับท่านใดที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สามารถสมัครได้ง่ายดาย เพียงโหลดแอปพลิเคชัน SUSCO Smart Member ได้ทั้งระบบ IOS และ Android การสะสมแต้มก็ไม่ยาก เพียงเติมน้ำมันที่ “ซัสโก้” แล้วแจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนเป็นสมาชิก ทุกๆ 1 ลิตร ได้รับ 1 คะแนน สะสมไว้รับสิทธิประโยชน์มากมาย แนะนำให้ติดตาม Facebook SUSCO จะได้รับทราบข่าวสารดีๆ อย่างต่อเนื่อง:Cr;มณสิการ รามจันทร์
http://www.natethip.com/news.php?id=2844
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=2843
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://timeline.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1159797062410055916
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เลขาธิการ คปภ. นำทัพประกันภัยลงพื้นที่ “วิสาหกิจชุมชนบ้านปลายบาง” จังหวัดนนทบุรี เปิดโครงการ “คปภ. เพื่อชุมชนปี 4” ยิ่งใหญ่ ถอดบทเรียนด้านประกันภัย จาก 5 ชุมชน ภายใต้แนวคิด
“เหนือสุดใต้ ตะวันออกสุดตะวันตก” พร้อมช่วยเหลือด้านประกันภัยและเปิดเวทีเพิ่มการมีส่วนร่วมรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะด้านประกันภัยจากชาวชุมชนทุกระดับ
ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. ได้เปิดตัว “โครงการ คปภ. เพื่อชุมชน ปี 4” เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 ณ วิสาหกิจชุมชนบ้านปลายบาง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี โดยตนพร้อมด้วยนายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย นางบงกช บวรฤกษ์ นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย นายนิคม จันคง นายกสมาคมการค้าผู้สำรวจภัยไทย นายจรัญ สอนสวัสดิ์ ผู้จัดการกองทุนประกันชีวิต นางวราภรณ์ วงศ์พินิจวโรดม นายพัฒนศักดิ์ มงคลปัญญา ผู้บริหารกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ลงพื้นที่เปิดตัวโครงการ คปภ. เพื่อชุมชนปี 4 เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านประกันภัยเชิงรุกให้แก่ประชาชน ภายใต้แนวคิด “เหนือสุดใต้ ตะวันออกสุดตะวันตก” โดยได้รับเกียรติจากนางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และนายวัชรเดช เกียรติชานน นายอำเภอบางกรวย กล่าวต้อนรับ
โครงการ คปภ. เพื่อชุมชน ปี 4 กำหนดเป้าหมายลงพื้นที่ 5 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนบ้านวังกะ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ชุมชนบ้านแหลมมะขาม อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ชุมชนนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย ชุมชนบ้านคีรีวง อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช และชุมชนปางห้า อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
โดยรูปแบบเป็นการถอดบทเรียนด้านประกันภัยที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละชุมชน รวมทั้งการเข้าไปศึกษาวิถีชีวิตของชุมชนเพื่อนำระบบประกันภัยเข้าไปเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงภัยแบบครบวงจร มีการนำเสนอข้อมูลด้านประกันภัยที่ประชาชนประสบหรือให้ความสนใจในช่วงเวลานั้น เช่น การประกันภัยไวรัสโคโรนา (Covid-19) การประกันภัยอัคคีภัยที่มีความคุ้มครองจากภัยน้ำท่วมในช่วงเวลาหน้าฝน หรือการประกันภัยไข้เลือดออกที่มักจะเกิดขึ้นภายในชุมชน เป็นต้น
นอกจากนี้ ในการลงพื้นที่แต่ละชุมชนจะมีการเปิดเวทีรับฟังความเห็น และข้อเสนอแนะจากชาวชุมชนเกี่ยวกับความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันภัยในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อที่สำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย จะได้พัฒนากรมธรรม์ประกันภัยให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของชุมชนยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนให้ช่วยคิด พัฒนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอดส่งต่อองค์ความรู้ด้านการประกันภัย รวมทั้งร่วมเสริมสร้างชุมชนให้เข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งเป็นการสร้างความสมดุลระหว่างความต้องการในระดับพื้นที่ (Bottom-Up) และทิศทางในภาพรวมของระดับประเทศ (Top-Down)
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า โครงการ คปภ. เพื่อชุมชน ปี 4 จะมีการบูรณาการอย่างใกล้ชิดกับภาคธุรกิจประกันภัย ตลอดจนกองทุนประกันชีวิต กองทุนประกันวินาศภัย และกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ที่จะร่วมลงพื้นที่ในชุมชนต่าง ๆ ตามภารกิจในโครงการฯ รวมทั้งจะมีทีมงานของสำนักงาน คปภ. ในรูปแบบ Insurance Mobile Unit หรือศูนย์บริการประชาชนด้านการประกันภัยเคลื่อนที่แบบครบวงจร เพื่อให้ข้อมูล รับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย ผ่าน “Mobile Complaint Unit” หรือศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยเคลื่อนที่ให้บริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยแบบเคาะประตูบ้านประชาชนในชุมชน ตลอดจนช่วยเหลือด้านประกันภัยเบื้องต้น ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่มีต่ออุตสาหกรรมประกันภัยอย่างยั่งยืนต่อไป ในขณะเดียวกันได้มีการถ่ายทำเป็นรายการซีรีย์ “คปภ. เพื่อชุมชน” เพื่อนำไปเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ทำให้เกิดการเรียนรู้ด้านประกันภัยในวงกว้างอีกด้วย
“โครงการ คปภ. เพื่อชุมชน ปี 4” เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนในชุมชนต่าง ๆ ของประเทศ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัย เกิดความตระหนักรู้ถึงคุณค่าและคุณประโยชน์ของการประกันภัย สามารถใช้ประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สินให้กับตนเองและครอบครัวได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของชุมชนมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ส่งผลให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย:Cr;มณสิการ รามจันทร์