พก. ร่วมพิธีเปิดนิทรรศการพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 “คนดี เข้มแข็งในความดี”

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2563 เวลา 10.00 น. นางสาวอณิรา ธินนท์ รองอธิบดีรักษาราชการแทน อพก.ได้มอบหมายให้ นางหฤทัย ศิริสินอุดมกิจ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร พร้อมคณะข้าราชการและเจ้าหน้าที่ พก. เข้าร่วมพิธีเปิดนิทรรศการ พระบรมฉายาลักษณ์ทรงงานเพื่อประชาชนชาวไทย ในหลวงรัชกาลที่ 9 “คนดี เข้มแข็งในความดี” เพื่อน้อมรําลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ จัดโดย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับ ศูนย์การค้า MBK Center โดยมีนางพัชรี อาระยะกุล ปพม. เป็นประธานในพิธีเปิด ทั้งนี้ ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการ พร้อมมอบเหรียญที่ระลึกให้ผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานจำนวน 150 คนแรก
สำหรับนิทรรศการฯ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 18 ตุลาคม 2563 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ลานกิจกรรมอเวนิวโซน A ชั้น G ศูนย์การค้า MBK Center
#กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

ชาวภาคเหนือสุดทนพวกจาบจ้วงสถาบันรวมกันหลายองค์กรปกป้องพระมหากษัตริย์ ตั้งจังหวัดแพร่เป็นจุดศูนย์กลางสกัดม็อบล้มเจ้า

วันนี้ (14 ตุลาคม 2563) ณ ศูนย์กระจายสินค้า OTOP เมืองแพร่ บ้านท่าขวัญ ต.ท่าขาม อ.เมือง จ.แพร่ นายเศรษฐภัทร นิตยสิทธิวรากุล ประธานเครือข่ายเมืองสมุนไพรไทย ดร.มนสิชา ภัคดิเมธี รองประธานยุทธศาสตร์เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทย ภาคเหนือ 17 จังหวัด นางสุมาลี สะสม ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจังหวัดแพร่ นายยศกร ปันสีทอง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนภาคเหนือ นางสาวสุจรรยา มาจันทร์ ตัวแทนเกษตรกรชาวล้านนา นางประภาภรณ์ สุธรรม ตัวแทนภาคประชาชนภาคเหนือ นายสมชัย แสงทอง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ และตัวแทนประชาชน 17 ภาคเหนือ ร่วมประชุมหารือแนวทางสกัดม็อบจาบจ้วงและหวังล้มสถาบันพระมหากษัตริย์จากทางภาคเหนือ และวางแนวทางรณรงค์ให้ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ได้เข้าใจถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่คู่ประเทศไทยมาอย่างยาวนาน พร้อมกันนี้ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมได้สวมเสื้อเหลืองเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ตะโกนดังก้อง ‘…เรารักในหลวงขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ…”

ดร.มนสิชา ภัคดิเมธี รองประธานยุทธศาสตร์เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทย ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้กล่าวว่า ตนเองเป็นนักวิชาการและเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาในมหาลัยทางภาคเหนือ และดูแลมวลชนดูแลเกษตรกรมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษาหรือประชาชนชาวเกษตรกรทุกคนก็รักในหลวงเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เมื่อมีบางกลุ่มออกมาจาบจ้วงและหวังล้มสถาบันพระมหากษัตริย์พวกตนและสมาชิกไม่สามารถที่จะทนได้จึงได้ออกมาทำกิจกรรมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และกำลังดำเนินงานทำกิจกรรมออกรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ ว่าท่านทรงเหน็ดเหนื่อยขนาดไหนกว่าจะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีจนมาถึงทุกวันนี้

ทาง นายสมชัย แสงทอง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ ได้กล่าวว่า ถือได้ว่ากลุ่มคณะราษฎร 2563 ไม่เห็นใจประชาชนผู้มีความจงรักภักดีเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ขึ้นเวทีแต่ละครั้งจาบจ้วงและหวังล้มพระมหากษัตริย์ทำให้พวกเราทนไม่ได้จึงรวมตัวกันมาประชุมเพื่อจะสร้างกลุ่มสกัดม็อบจากทางภาคเหนือที่จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์โดยใช้ “จังหวัดแพร่” เป็นศูนย์กลางของภาคเหนือ และพวกเราขอยืนยันว่าในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ที่เป็นคนเสื้อแดง และ อดีตหมู่บ้านเสื้อแดง จะไม่ขอเข้าร่วมกิจกรรมของคณะราษฎร 2563 ในวันนี้แต่อย่างใด และจะขอเป็นใต้ฝ่าละอองพระบาทของพระมหากษัตริย์ เป็น “คนเสื้อแดงรักษาพระองค์” เป็นประชาชนที่จงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์

หลังจากนั้น นายเศรษฐภัทร นิตยสิทธิวรากุล ประธานเครือข่ายเมืองสมุนไพรไทย ได้พาคณะเครือข่ายและองค์กรต่างๆร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีให้ดังกึกก้องไปทั่วประเทศไทย พร้อมตะโกน “…เรารักในหลวง ขอพระองค์ทรงพระเจริญ…”

http://www.natethip.com/news.php?id=3152
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

http://www.natethip.com/news.php?id=3151
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

http://www.natethip.com/news.php?id=3150
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

http://www.natethip.com/news.php?id=3149
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

https://timeline.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1160263456910059850
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

“หมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย” ร่วมจุดเทียนน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

วันที่ 13 ตุลาคม 2563 ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายอานนท์ แสนน่าน ประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย นางนิตยา นาโล รองประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย ประจำภาคอีสาน นางธนภัทร พันธวาส ประธานเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนประเทศไทย ประธานเครือข่ายจังหวัดนครพนม และสมาชิกเข้าร่วมพิธีจุดเทียน เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต
โดย นายสามารถ สุวรรณมณี นายอำเภอธาตุพนม ประธานในพิธี นำผู้เข้าร่วมพิธีถวายความเคารพ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ผู้เข้าร่วมพิธีจุดเทียน และยืนสงบนิ่งน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นเวลา 89 วินาที
จากนั้นคณะเข้ากราบนมัสการขอพร “พระธาตุพนม” เพื่อเป็นสิริมงคลพร้อมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์ที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ปวงพสกนิกรใต้ร่มพระบารมี ทั่วราชอาณาจักร ต่างประจักษ์ชัดแจ้งในพระเกียรติคุณ พระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ทรงทุ่มเทพระวรกาย และพระสติปัญญาคิดค้นโครงการในพระราชดำริหลายพันโครงการอันเป็นประโยชน์อย่างอเนกอนันต์แก่ประเทศชาติ ตลอดจนทุกคราที่ชาติบ้านเมืองประสบความทุกข์ยากจากวิกฤตต่าง ๆ พระองค์ได้ทรงพระราชทานแนวทางเพื่อคลี่คลายขจัดปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นำความผาสุกมาสู่ประเทศและอาณาประชาราษฎร์โดยถ้วนหน้า
แม้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จะเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่โครงการตามพระราชดำริน้อยใหญ่ พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสในโอกาสต่าง ๆ ยังคงเปรียบดุจดังแสงสว่างที่คอยชี้นำแนวทางในการดำรงชีวิตแก่ปวงพสกนิกร และจะยังคงสถิตในดวงใจของเหล่าปวงชนชาวไทยสืบไป  

พิมพ์ไทยออนไลน์ // จ.ภูเก็ต ร่วมกับสสส., กกท.และโพคารี่ สเวท จัดกิจกรรมพิเศษ วิ่งผลัด เอกิเด้งครั้งแรก ที่สะพานหิน จ.ภูเก็ต เตรียมความพร้อมกระตุ้นความคึกคักก่อนเทศกาลวิ่งมาราธอนนานาชาติ “โพคารี่ สเวท ภูเก็ตธอน 2020” ภูเก็ต วันที่ 14-15 พ.ย. นี้ เพื่อโปรโมทกิจกรรมและชักชวนให้ร่วมวิ่งอย่างต่อเนื่อง
วิ่งผลัด เอกิเด้งครั้งแรก ที่สะพานหิน จ.ภูเก็ต โดยจ.ภูเก็ต ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส),กกท. และ โพคารี่ สเวท จัดกิจกรรมพิเศษเตรียมความพร้อม กระตุ้นความคึกคักก่อนเทศกาลวิ่งมาราธอนนานาชาติโพคารี่ สเวท ภูเก็ตธอน 2020 วันที่ 14-15 พ.ย. 2563 นี้ ในรูปแบบ  นิวนอร์มอล โดยมี นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดกิจกรรมครั้งนี้
ซึ่งการจัดกิจกรรมพิเศษครั้งนี้เป็นการประเดิมสนามของนักวิ่งภูเก็ตธอนแบบ  วอร์ม อัพ รูปแบบ เอกิเด้ง ชาลเลนจ์?  ทีมวิ่งผลัด4 คน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคัก นำทีมโดย “ป๊อก” อิทธิพล สมุทรทอง จากเพจ 42.195, “หมอเมย์”พญ.สมิตดา สังขะโพธิ์ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโครงการก้าว ของ “พี่ตูน” บอดี้สแลม, จเร เจียรนัย  นักไตรกีฬาชื่อดังระดับชาติ, “น้องบีม” เลิศศิริ โตสิงห์ นักวิ่งสาวผู้ทรงอิทธิพลในโลกโซเช่ียล นักวิ่งสาวผู้ทรงอิทธิพลในโลกโซเชียล, อ.ณรงค์ เทียมเมฆ ตำนานวิ่งแห่งจอมบึง และชมรมวิ่งอีกมากมาย พร้อมนักวิ่งภูเก็ตธอนกว่า 200 คนร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ในฐานะรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เชิญชวนนักวิ่งจากทั่วประเทศให้เข้าร่วม เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่หลังการปลดล็อกคลี่คลายวิกฤติโควิด19 ระยะที่ 6 ทางจังหวัดภูเก็ตมีความพร้อมทุกด้านที่จะต้อนรับนักวิ่งและนักท่องเที่ยวไทยจากทั่วประเทศ ได้เข้ามาเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เตรียมมาตรการมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัยตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อความมั่นใจของทุกคนเข้ามาบนเกาะภูเก็ต รวมถึงความร่วมมือที่ภาครัฐและเอกชนร่วมมือกัน เพื่อสร้างมาตรฐานราคาใหม่ที่ทางนักท่องเที่ยวไทยสามารถจับต้องได้ อยากเชิญชวนนักวิ่งและนักท่องเที่ยวไทยทั่วประเทศ วางแผนใช้เวลาท่องเที่ยวบนเกาะภูเก็ตนานขึ้นกว่าเดิม เชื่อมั่นว่าได้รับประสบการณ์หลังที่เกาะภูเก็ต “เปิดเกาะ” อย่างเป็นทางการเพื่อรับชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทยทุกคน ขอยืนยันและการันตีว่าท่านจะได้รับความประทับใจมาเยือนเกาะภูเก็ต

ด้านอาจารย์ ณรงค์ เทียมเมฆ ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าวว่า เทศกาลวิ่งมาราธอนนานาชาติ โพคารี่ สเวท ภูเก็ตธอน 2020 จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 โดย 3 ปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสําเร็จ สร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่นักวิ่งในรูปแบบเทศกาลวิ่งที่มี การจัดการแข่งขันหลากหลายระยะทั้ง ฟูลมาราธอน, ฮาล์ฟมาราธอน , มินิมาราธอน และ เจลลี่ บีช รัน  แม้ว่าปีนี้จะเกิดสถานการณ์โรคระบาดโควิด19 ที่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมวิ่งมาราธอน และอุตสาหกรรมอื่นๆทั่วโลก แต่ไทยและรัฐบาลจัดระบบมาตรฐานจัดการด้วยความปลอดภัยและสุขอนามัยเป็นอย่างดี จนได้รับการประกาศให้เป็นประเทศที่มีมาตรฐานในการจัดการป้องกันอันดับ 1 ของโลกโดย WHO
ซึ่งปีนี้ โพคารี่ สเวท ภูเก็ตธอน 2020 ได้รับนโยบายเพื่อสร้างมาตรฐานการจัดงานอย่างมีระบบ และเต็มรูปแบบ แบบ New Normal (นิว นอร์มอล) เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักวิ่งทุกคนที่เข้าร่วม
ทาคายูกิ คูชิดะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอซูก้า นิวทราซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ “โพคารี่สเวท” กล่าวว่า โพคารี่สเวทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้สนับสนุนการจัดงานวิ่งในประเทศไทย เพราะเราคือแบรนด์ที่มุ่งเน้นและตั้งใจอยากให้คนไทยทั่วประเทศมีสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งตรงกับปรัชญา ขององค์กร ที่ว่า “Otsuka-people creating new products for better health worldwide” โดยการออกกำลังกายนับเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกคนสามารถเริ่มทำได้ด้วยตัวเอง รวมถึงเครื่องดื่มโพคารี่สเวทซึ่งเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากบริษัทผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ชั้นนำในญี่ปุ่น เครื่องดื่มที่สามารถชดเชยน้ำและแร่ธาตุ รวมถึงเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไปในชีวิตประจำวัน อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับ การแข่งขันวิ่ง “โพคารี่สเวท ภูเก็ตธอน 2020” ภายใต้มาตรฐาน “New Normal Race” วันที่ 14 – 15 พฤศจิกายน 2563 ที่ สวนสาธารณะสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ Full Marathon (42 กม.) เส้นทางกลับตัวที่แหลมพรหมเทพ Half Marathon (21.1 กม.) เส้นทางกลับตัวที่อ่าวมะขาม Mini Marathon (10 กม.)เส้นทางวิ่งเมืองเก่า และ Jelly Beach Run (5 กม.) ที่หาดในหาน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กเพจ Phukethon (https://www.facebook.com/Phukethon)

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์