วันศุกร์, กรกฎาคม 11, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 2088

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://timeline.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1160220314310056329
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

MBK จับมือ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดงาน “คนข่าวมาขายของ # 4″

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นำโดย นางสาว ศตกมล วรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัทเอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (ที่ 3 จากซ้าย) นายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (ที่ 4 จากซ้าย) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เตรียมจัดงาน “คนข่าวมาขายของ # 4” เพื่อเปิดพื้นที่ให้แก่สื่อมวลชน และอดีตสื่อมวลชนทุกสำนัก ได้นำสินค้าของดีมีคุณภาพในราคากันเองมาร่วมออกบูธ รวมทั้งมีการจัดประมูลของที่ระลึกจากบุคคลมีชื่อเสียง โดยรายได้จากการจัดงานครั้งนี้จะนำเป็นสวัสดิการสำหรับสื่อมวลชนที่ประสบวิกฤตการจ้างงาน ซึ่งงานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2563 ณ บริเวณลานรามา ฮอลล์ ชั้น G ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์:Cr;มณสิการ รามจันทร์

 

MyCloudFulfillment รับทุน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายธุรกิจ รองรับช้อปปิ้งออนไลน์โต เตือนระวัง3สิ่งในโลกอีคอมเมิร์ซ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่า MyCloudFulfillment พร้อมก้าวสู่ความเป็น 1 ด้าน Fulfillment ในระดับอาเซียน (ASEAN) และเตรียมเข้าสู่ The future of commerce ชี้การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจออนไลน์จากวิกฤตโควิด19 (New Normal) และทิศทางการขายในโลกอนาคต (New Future) หรือ Data Commerce พร้อมทั้งเผยให้เห็นว่าประเทศไทยอยู่ในจุดที่หอมหวานในการประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อย่างไรก็ตาม ได้ส่งสัญญานเตือน 3 ข้อที่ธุรกิจต้องทำความเข้าใจ และเตรียมรับมือเพื่อให้อยู่รอดในโลกอีคอมเมิร์ซในอนาคต พร้อมประกาศรับเงินลงทุน Series A มูลค่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากผู้ลงทุน ได้แก่ ECG-RESEARCH, Gobi Partners, NVest Venture และ SCB 10X โดยมีเป้าหมายที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปพัฒนาระบบการจัดการด้านข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศMyCloudFulfillment บริษัทคลังสินค้าออนไลน์ครบวงจร ผู้ให้บริการ Fulfillment ที่มาพร้อมกับระบบจัดการออเดอร์ (OMS) และระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) ช่วยร้านค้าจัดการ เก็บ แพ็ค ส่งสินค้า และเชื่อมต่อ API เข้ากับช่องทางการขายต่าง ๆ ได้แบบอัตโนมัติ (API Lazada, Shopee, etc.) ด้วยรูปแบบบริการที่ยืดหยุ่น มีบริการแพ็คสินค้า ที่สามารถ customize ได้ตามต้องการ เช่น แพ็คแบบพิเศษ QCสินค้า จัดเซ็ท เพิ่มมูลค่าสินค้าที่มากกว่าแค่ รับแพ็คสินค้าทั่วไป อีกทั้งยังช่วยจัดการSupply Chain จัดการคำสั่งซื้อ และ นำข้อมูลการขายมาใช้เป็นข้อมูลวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจได้ เผยว่า บริษัทมี SKU ในระบบมากกว่า 100,000 SKUs, มียอดออเดอร์สูงสุดต่อวันถึง 50,000 ออเดอร์, โดยที่ออเดอร์เติบโตขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 6 เท่า และ ภายในครึ่งปีที่ผ่านมามีมูลค่าซื้อขายสินค้าผ่านคลังกว่า 500 ล้านบาทนายนิธิ สัจจทิพวรรณ กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง MyCloudFulfillment บริษัท อี-เอ็มพาวเวอร์เมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนวโน้มตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ซทั่วโลก ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก Statista คาดการณ์ปี 2563 มูลค่าตลาดทั่วโลกจะอยู่ที่ 75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปี 2562 มีจำนวนผู้ใช้งานมากถึง 3,468 ล้านคน เพิ่มขึ้น 9.6% จากปี 2562 เช่นกันทั้งนี้ ความน่าสนใจในตลาดอีคอมเมิร์ซ คือรายได้ของทั่วโลกในปี 2563 มาจากภูมิภาคเอเชียมูลค่าอยู่ที่ 45 ล้านล้านบาท เติบโต 29% จากจำนวนผู้ใช้ถึง 2,133 ล้านคน คิดเป็น 61.5% ของผู้ใช้ทั่วโลก สะท้อนขนาดตลาดที่ใหญ่สุดในโลก หากมองเจาะลึกลงไปในภูมิภาคเอเชีย ยังพบว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่มูลค่าอีคอมเมิร์ซเติบโตสูงสุดถึง 44% ซึ่งมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยจะอยู่ที่ 2แสนล้านบาท โตขึ้นมาถึง 42% จากปีที่แล้ว โดยตลาดที่มีกำลังซื้อ คนมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงอันดับหนึ่ง ได้แก่ คนอินโดนีเซีย มีอัตราการใช้จ่ายผ่านอีคอมเมิร์ซต่อผู้ใช้ต่อปีที่ 219 เหรียญสหรัฐ คิดเป็น 6,856 บาทต่อคนต่อปี และที่รองลงมาก็คือ คนไทย 215.67 เหรียญสหรัฐ คิดเป็น 6,752 บาทต่อคนต่อปี แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังมีอัตราคาดการณ์ของการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตที่ต่ำกว่าอินโดนีเซียอยู่มาก นั่นหมายความว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเป็นตลาดที่ คนมีกำลังซื้อ และ ยังขยายได้อีกมากในอนาคต“ตลาดการซื้อขายสินค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ถือว่าอยู่ในจุดที่เรียกว่า Sweet spot คือไม่ใช่จุดที่ดีที่สุด แต่เราอยู่ในจุดที่หอมหวานที่สุด คนไทยชื่นชอบและนิยม การซื้อสินค้าออนไลน์ ใช้จ่ายเฉลี่ยใกล้เคียงกับผู้บริโภคชาวอินโดนีเซีย แต่เทียบประชากรเราแล้ว การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเราต่ำกว่า จึงสะท้อนว่าโอกาสทางการตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยยังมีอีกมหาศาล ในอนาคตจะมีผู้คนเข้ามาโลกออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ ลูกค้าหน้าใหม่ยังเกิดใหม่เรื่อยๆ หากผู้ประกอบการต้องการลงทุน ขยายตลาดช่องออนไลน์ ต้องดำเนินการตอนนี้เลย”

อีกทั้ง นายนิธิ สัจจทิพวรรณ ยังเล่าให้ฟังว่าธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ โควิดจนถึงตอนนี้ และ จะเติบโตต่อไปอีกในอนาคต คือ อุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่มที่ผ่านการบรรจุภัณฑ์, อุปกรณ์ที่ใช้ภายในบ้าน และ ผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของผู้ซื้อ (New normal) และ จากกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ที่เข้ามาทดลองในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งติดใจกับการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ไปเรียบร้อยแล้วส่วนธุรกิจที่น่าจับตามองคือ ความงามเครื่องสำอาง,ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย, และ ธุรกิจกลุ่มสุขภาพและอาหารเสริม เนื่องจากมีการเติบโตที่น่าสนใจช่วงโควิด ถึงจะลดตัวลงนิดหน่อยจากการกลับมาของหน้าร้าน แต่ จะกลับมาเติบโตได้ดีบนออนไลน์อีกครั้งในอนาคต โดยสุดท้ายแล้ว อุตสาหกรรมที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือธุรกิจแฟชั่น ที่ตกลงอย่างต่อเนื่อง จากผลกระทบของการท่องเที่ยว

เตือน 3 สิ่งควรระวัง เพื่อให้ร้านค้าอยู่รอดในโลกอีคอมเมิร์ซแห่งอนาคต

ถึงแม้ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะมีการขยายตัว และเป็นขุมทรัพย์ตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล แต่ก่อนจะบุกทำตลาดผู้ประกอบการต้องเข้าใจทิศทางตลาดและผู้บริโภคให้ถ่องแท้ เพื่อระมัดระวัง เตรียมตัวรับมือ และสามารถอยู่รอดในโลกของอีคอมเมิร์ซในอนาคต ซึ่งหากเจาะลึกจะมี 3 อย่างที่ต้องทำความเข้าใจ ประกอบด้วย1. Understand lifestyles not trend ต้องเข้าใจไลฟ์สไตล์ของลูกค้าก่อน ไม่ใช่เทรนด์ เนื่องจากยุคดิจิทัลเทรนด์ตลาดหรือผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาจอยู่ได้ไม่กี่วัน เทียบอดีตอยู่ได้เป็นเดือนหรือเป็นปี แต่การเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคเชิงลึกจะทำให้ผู้ประกอบการขายสินค้าได้อย่างยั่งยืน เช่น ผู้บริโภคซื้อแอลกฮอล์ หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 และมองหาสินค้าอื่นเพื่อดูแลสุขอนามัย สะท้อนความต้องการสินค้าอื่นอย่างต่อเนื่อง เพราะไลฟ์สไตล์กลัวเชื้อโรค รักสุขภาพไม่เปลี่ยน แต่ความต้องการสินค้าเปลี่ยนได้

“หากผู้ประกอบการยึดติดที่ตัวสินค้าจะขายดีแค่ช่วงเวลาหนึ่งแต่การเข้าใจปัญหาลูกค้า จะสามารถขายดีได้อย่างต่อเนื่อง”

2. Understand journey not channels ต้องเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าก่อนเลือกช่องทาง การเข้าใจเส้นทางการซื้อสินค้าของผู้บริโภค (Customer journey) มีความสำคัญมาก เพื่อให้พ่อค้าแม่ขายสามารถนำเสนอสินค้าและบริการ โปรโมชั่น ผ่านช่องทางออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Marketplace อย่างLazada, Shopee, JD Central Social Commerce อย่าง Facebook, Instagram หรือ ช่องทางเว็ปไซต์ ได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย

“ปัจจุบันทุกช่องทางจำหน่ายมีความสำคัญเท่าๆกัน เพราะตอบโจทย์คนละอย่างกัน ไม่มีช่องทางออฟไลน์ หรือออนไลน์สำคัญกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้าน, Shopee, Lazada หรือFacebook เพราะแต่ละช่องทางมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป ไม่ใช่ว่าทุกช่องทางจะเหมาะกับทุกคน เช่น Marketplace เป็นการค้นหาสินค้าใหม่ๆ โซเชียลคอมเมิร์ซเป็นช่องทางอ้างอิงว่าสินค้าน่าเชื่อถือ และ Website หรือ Line @ เป็นช่องทางช่วยทำให้เกิดการซื้อซ้ำ แต่ละช่องทางคาแร็กเตอร์ต่างกัน ผู้คนที่เข้ามาในช่องทางแต่ละอันก็คาดหวังไม่เหมือนกัน เส้นทางการซื้อสินค้า (Customer journey) ต่างกัน หากคุณทำช่องทางMarketplace แพง ๆ หวังกำไร โพสขายของหนัก ๆ บนโซเชียลมีเดีย และ ทำเว็บไซต์ตัวเองหรือไลน์ไว้เพื่อหาลูกค้าใหม่ ธุรกิจคุณไปต่อได้ยากแน่ ๆ เพราะใช้แต่ละช่องทางผิดจุดประสงค์ ผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจเส้นทางการซื้อสินค้าของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ก่อน เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการ โปรโมชั่นที่สอดคล้องกับความต้องการลูกค้า”

3. Understand patterns not numbers ต้องเข้าใจรูปแบบไม่ใช่ตัวเลข การขายสินค้าออนไลน์ค่อนข้างมีรูปแบบ อย่างการจัดโปรโมชั่น 11 11, 12 12 ของ Marketplace แบรนด์ต่างๆ หรือสถานการณ์ก่อนและหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะรู้ทิศทางสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการ สินค้าขายดี เช่น สินค้าแฟชั่น เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว เมื่อถูกกระทบจากโควิดยอดขายจึงหดตัว เป็นต้น

“ไม่ต้องการให้ผู้ประกอบการยึดติดกับตัวเลขที่คาดการณ์ไปล่วงหน้า เพราะความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน แม้จะมีดาต้า เราก็ไม่สามารถคาดการณ์อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก แต่การเข้าใจแพทเทิร์น ทำให้รู้ว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำเราจะไม่พลาดอีก เช่น หากเกิดโรคระบาดอีกครั้ง จะทราบว่าสินค้าหมวดไหนจะตก อันไหนจะเติบโต ที่สำคัญคุณต้องไว้วางใจผู้อื่นมากขึ้นอย่าถือทุกอย่างไว้ที่ตัวเอง กระจายการทำงานที่ไม่ถนัดให้คนที่เค้าถนัดทำ คุณจะได้สามารถโฟกัสเฉพาะแค่สิ่งที่ถนัดได้ และหากเกิดวิกฤตอีก จะได้ยืดหยุ่นพอที่จะปรับแปลงบริบทได้แบบทันท่วงที ทั้งนี้ต้องระมัดระวังเรื่องการนำเงินไปลงทุน ต้องกระจายความเสี่ยง อย่าเพิ่งลงทุนหวังผลระยะยาวและความคุ้มค่า ลงทุนเพื่อสร้างความยืดหยุ่นก่อนดีกว่า”

อย่างไรก็ตาม 3 สิ่งที่พึงระวังดังกล่าว การใช้ข้อมูลหรือดาต้า ถือเป็นหัวใจสำคัญมาก ข้อมูลในอดีตเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการวางแผนงานได้แม่นยำ สังเกตเห็นว่าเราทำอะไรที่ผิดพลาด และ ทำยังไงให้ธุรกิจการค้าทำดีขึ้นกว่าเมื่อวานได้ ซึ่ง MyCloudFulfillment ในฐานะผู้ให้บริการด้านคลังสินค้าออนไลน์ครบวงจร มีจุดแข็งด้านดาต้าในกระบวนการ เก็บ แพ็ค ส่งที่ช่วยลูกค้าได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า (Order Management Data) ที่สามารถช่วยรวมออเดอร์ของแต่ละช่องทางการขายมาเป็นที่เดียว และ ช่วยให้จัดการข้อมูลการซื้อของลูกค้า จัดการช่องทางการขาย จัดโปรโมชั่นอย่างมีประสิทธิภาพ และ มองเห็นโอกาสการเติบโตได้ (Growth potential)

การบริหารจัดการข้อมูลการเก็บสต็อคสินค้า (Inventory Management Data) ที่สามารถช่วยแนะนำสต็อคสินค้าที่เหมาะสมของแต่ละ SKU ได้ (Stock optimization) ให้สามารถเห็นได้ว่าสินค้าตัวไหนเก็บเยอะเกินไปหรือน้อยเกินไป ขั้นต่ำที่ควรเก็บคือจุดไหน เมื่อสต็อคเหลือถึงจุดไหนถึงควรเติม ทั้งหมดจะช่วยให้ธุรกิจบริหารค่าใช้จ่าย ค่าเช่า การเก็บสินค้า และ การขนส่งเติมสินค้าให้พอดี เพื่อช่วยไม่ให้เงินจม และ การบริหารจัดการข้อมูลการแพ็คและส่งสินค้า (Fulfillment Performance Data) ที่สามารถช่วยให้มองเห็นกำไรและต้นทุนของ แต่ละสินค้าแต่ละออเดอร์ได้ ร้านค้าจะทราบได้ว่าสินค้าตัวไหนขายแล้วได้กำไรดี ตัวไหนขายแล้วขาดทุน สามารถช่วยแนะนำวิธีให้ร้านค้าทำให้การซื้อต่อครั้งแพงขึ้น และ ช่วยให้ทำกำไรได้ดีขึ้น

MyCloudFulfillment ได้รับเงินลงทุน Series A มูลค่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากผู้ลงทุน ได้แก่ ECG-RESEARCH, Gobi Partners, NVest Venture และ SCB 10X พร้อมขยายธุรกิจรับช้อปปิ้งออนไลน์โต

ทางด้าน ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัดและผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนผู้ลงทุนของ MyCloudFulfillment กล่าวว่า “ตลาดอีคอมเมิร์ซ และตลาดโลจิสติกส์ในเมืองไทยรวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูงและน่าจับตามองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 มีความเข้มข้น และด้วยบริการคลังสินค้าออนไลน์ จัดเก็บ แพ็คสินค้า ของ MyCloudFulfillment มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว มีความสามารถในการพัฒนารูปการให้บริการเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ อีกทั้งสามารถยกระดับการให้บริการไปสู่ระดับอาเซียนเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง ที่สำคัญมีศักยภาพที่จะก้าวไปเป็นผู้นำด้าน Fulfillment ที่มากกว่าแค่ เก็บ แพ็ค ส่งบนเวทีในระดับภูมิภาคได้ ประกอบกับ SCB 10X ให้ความสำคัญกับสตาร์ทอัพไทยและธุรกิจโลจิสติกส์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เราให้ความสนใจ เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนรอบ Series A ของทาง MyCloudFulfillment ร่วมกับผู้ลงทุนรายอื่น ๆ ซึ่งนอกจากการสนับสนุนด้านเงินลงทุนแล้ว เรายังมีแผนในการพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ Social commerce ในอนาคตรวมถึงสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ประกอบการและลูกค้าอีกด้วย”

“การทำให้ลูกค้าเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นภารกิจสำคัญของเรา”

ทั้งนี้ เงินทุนจะนำไปใช้ 2 ส่วน ส่วนแรกคือการพัฒนาระบบการจัดการด้านข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยให้ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซบริหารจัดสินค้า ขายสินค้าได้ง่ายขึ้น นำข้อมูลสถิติ ที่มีมาใช้ในการทำ predictive analytics ได้มากขึ้น สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึง การพัฒนาศักยภาพด้านบริการแก่ลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมในอนาคต และส่วนที่สองคือการขยายฐานพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติม เราร่วมมือกับ agency และ E-commerce enabler ชั้นนำต่างๆ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบวงจร รวมถึงพาตเนอร์พิเศษที่ร่วมกันพัฒนาโซลูชั่น เช่นรูปแบบ white label logistics ที่เราร่วมมือกับ SCG ด้านการขยายคลังสินค้า หรือ รูปแบบที่จับมือกับ SCB 10X ในการทำโซลูชั่นเพื่อร้านค้าในการทำ social commerce เพื่อยกระดับประสบการณ์การซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภค

Partners ของ MyCloudFulfillment เล่าถึงโลกการขายในอนาคตและความร่วมมือ

นายไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า จากผลกระทบที่เราได้รับจากช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19ที่ผ่านมา ทำให้ออเดอร์เราเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เอสซีจี ให้ความสำคัญกับเรื่องของการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตอยู่เสมอ จากที่ทาง MyCloudFulfillment ได้นำเสนอไปเกี่ยวกับ อนาคตของโลกการค้า (Future of Commerce) ทำให้เราต้องวางแผนและพร้อมปรับตัวรับมือกับทุกสถานการณ์ สิ่งที่เราต้องทำคือ ปรับตัวให้เร็ว และ ทำตัวให้ยืดหยุ่น เราจึงพาร์ทเนอร์ร่วมกับ MyCloudFulfillment เพื่อช่วยกันปรับตัวไปสู่โลกอนาคต ถึงแม้ตลาด E-Commerce จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดก็ตามแต่เราต้องมีวิธีการรับมือ ซึ่งการเก็บรวบรวมดาต้าที่ดีจะช่วยนำมาสร้างมูลค่าให้ผู้ประกอบเติบโตและไปต่อได้ในโลกอนาคต
เอสซีจี เล็งเห็นศักยภาพ และ ผลงานที่ดีของ MyCloudFulfillment เราจึงเลือกจับมือด้วย เราเก่งเรื่อง hardware และเครือข่ายโลจิสติกส์ทั่วประเทศ แต่ MyCloud เก่งเรื่อง software และการจัดการ Fulfillment สำหรับลูกค้า B2C หรือ Online หากเราทั้งสองร่วมมือกัน เราทั้งคู่ก็จะไปข้างหน้าได้เร็วกว่า คุ้มค่ากว่า ซึ่งทั้งหมด เพื่อช่วยก้าวข้ามขีดความสามารถด้านการให้บริการ และตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ตลอดจนสนับสนุนให้ Ecosystem ของสตาร์ทอัพเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนตามแนวทางของเอสซีจี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ
MyCloudFulfillment โทร.02-138-9920 https://www.mycloudfulfillment.com/
หรือ Facebook : MyCloudFulfillment หรือ LINE : @mycloudgroup :Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

 

“แสงชัยกรุ๊ป” ผนึก “มิลวอกี้” ผู้นำตลาดเครื่องมือช่างระดับโลก รุกตลาดไร้สายปฏิวัติอุตสาหกรรมช่าง เปิด “RedZone” ส่งอุปกรณ์ช่างไร้สายคลุมทั่วประเทศ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแสงชัยกรุ๊ป จับมือผู้ผลิตเครื่องมือช่างแบรนด์ระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา “มิลวอกี้” (Milwaukee) ตกลงเป็นพันธมิตรร่วมกันอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว “RedZone” หรือ “Milwaukee One Stop Service” Flagship Store แห่งใหม่บนกรุงเทพฯ ตะวันตก จัดจำหน่ายนวัตกรรมอุปกรณ์ไร้สายสำหรับงานช่าง ทางออกใหม่ด้านความปลอดภัย ตอบโจทย์ด้านประสิทธิภาพและผลของงาน พร้อมลุยเดินหน้าเปิดตลาดเต็มรูปแบบ ส่งต่อนวัตกรรมไร้สายทั่วประเทศ หวังปฏิวัติอุตสาหกรรมช่าง เดินหน้าสองธุรกิจโตประสบความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืนนายอรรถวัฒน์ อัศวนิเวศน์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ กลุ่มบริษัท แสงชัยกรุ๊ป เผยว่า แสงชัยกรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2527 ด้วยการเริ่มธุรกิจอะไหล่เครื่องปรับอากาศ คอมเพรสเซอร์ ท่อทองแดง วาล์ว แล้วขยายไปในส่วนของเครื่องทำความเย็น อุปกรณ์งานระบบจ่ายไฟฟ้า ตู้สวิทช์บอร์ด ระบบควบคุมอาคาร เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน จะเห็นว่าเกือบ 40 ปีที่ก่อตั้งบริษัทมา เราได้พยายามเป็นผู้บุกเบิกนำนวัตกรรมทางวิศวกรรมใหม่ๆ มาใช้ในประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมไทยและประสิทธิภาพด้านงานช่างให้เพิ่มสูงขึ้น โครงสร้างของบริษัทจึงเน้นไปที่การเพิ่มไลน์สินค้าที่ต้องตอบโจทย์ทั้งรูปแบบการใช้งานและคุณภาพของผลงาน เพื่อให้แสงชัยกรุ๊ปมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถเป็นผู้ให้บริการอุปกรณ์และเครื่องมืองานระบบอย่างครบวงจรอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ตามเป้าหมายที่เราวางไว้“ผลิตภัณฑ์ของเราไม่เพียงแต่จะเน้นที่คุณภาพของอุปกรณ์ในงานระบบเท่านั้น เรายังคงเน้นคุณสมบัติในเรื่องของความทนทาน , สะดวกในการใช้งาน และความปลอดภัยของช่างที่ใช้งาน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งในการเฟ้นหาเจ้าของนวัตกรรมที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน ช่วยโยงแสงชัยกรุ๊ปเข้ากับผู้ผลิตเครื่องมือช่างจากสหรัฐอเมริกา อย่าง มิลวอกี้ (Milwaukee) ผู้ผลิตชั้นนำ ในอุตสาหกรรมเครื่องมือไฟฟ้าสำหรับงานหนัก อุปกรณ์เสริม และเครื่องมือทั่วไปสำหรับผู้ใช้มืออาชีพ ด้วยความตั้งใจในแง่มุมเดียวกัน ประกอบกับคุณภาพสินค้าของมิลวอกี้ที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้วทั่วโลกเป็นเวลากว่า 90 ปี นั่นจึงทำให้ แสงชัยกรุ๊ป และ มิลวอกี้ ตกลงเป็นพันธมิตรร่วมกันอย่างเป็นทางการ บริษัทจะเปิด Flagship Store แห่งใหม่ เป็น ‘RedZone’ หรือ ‘Milwaukee One Stop Service’ จัดจำหน่ายสินค้าทุกกลุ่มของมิลวอกี้ ตั้งแต่ Power Tools, Hand Tools, Lighting และอื่นๆ รวมไว้ครบครัน”ด้าน Mr. Hardi Tjhang ( ฮาร์ดี้ ฉาง ) General Manager บริษัท เทคโทรนิค อินดัสตรี้ส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า มิลวอกี้มีความภูมิใจในฐานะที่เป็นผู้นำทางนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้ในด้านต่างๆ ทั้งเรื่องความทนทานที่เหมาะกับการใช้งาน มีส่วนช่วยให้ได้งานมากขึ้น รวมถึงเรื่องความปลอดภัยที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ และเมื่อรวมแนวคิดดังกล่าวเข้ากับการวิจัยและพัฒนา นั่นทำให้เราสามารถสร้างเทคโนโลยีแบตเตอรี่ lithium-ion นำเสนอทางออกที่ดีขึ้นให้ผู้ใช้งาน พร้อมทั้งเครื่องมือไร้สายปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมให้กับคนทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่าการเป็นพันธมิตรกับแสงชัยกรุ๊ป นั่นหมายถึงการได้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายอุตสาหกรรมที่เข้มแข็ง สามารถส่งต่อนวัตกรรมที่เรามีไปได้ทั่วประเทศ นำมาสู่จุดมุ่งหมายถัดไปในการเติมเต็มให้ธุรกิจทั้งสองฝ่ายให้เติบโต และประสบความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน“เป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว ที่มิลวอกี้เข้าสู่ตลาดในประเทศไทย และในปี พ.ศ. 2563 นี้ การร่วมพันธมิตรอย่างเป็นทางการกำลังจะเริ่มขึ้นกับแสงชัยกรุ๊ป โดย RedZone แห่งใหม่ในโชว์รูมของแสงชัยกรุ๊ป ถือได้ว่าเป็นการเปิดตลาดใหม่ให้กับเครื่องมือช่างในไทยอีกครั้ง ด้วยความรู้ความเข้าใจที่กลุ่มช่างมืออาชีพมี มันแสดงให้เห็นถึงความชัดเจนว่าพวกเขามีทางเลือกใหม่ ที่ช่วยให้งานเสร็จรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น จากนวัตกรรมเครื่องมือไร้สายทั้ง 3 กลุ่ม คือ เครื่องมือช่างไฟฟ้า (Power tool) เครื่องมือช่าง (Hand tool) และอุปกรณ์เสริม (Accessory) ที่อยู่ภายใน RedZone ซึ่งทันทีที่เหล่าช่างมืออาชีพเปิดรับนวัตกรรมเหล่านี้อย่างทั่วถึง พวกเขาก็จะจดจำ แสงชัยกรุ๊ป ในฐานะผู้นำนวัตกรรมเครื่องมือไร้สายของไทย และจดจำ มิลวอกี้ ในฐานะ Service Provider ที่เป็นมากกว่าแค่ผู้ผลิตเครื่องมือ”ทางด้าน นายอรรถวัฒน์ เผยถึงกลยุทธ์การทำตลาดของเครื่องมือไร้สาย ว่า จุดแข็งที่โดดเด่นของแสงชัยกรุ๊ปคือการทำงานเชิงรุก เราใช้เวลาเกือบ 40 ปี มุ่งเข้าหาลูกค้าจนทำให้บริษัทมีฐานลูกค้า
ที่กว้างขวาง โดยเฉพาะกลุ่มงานโปรเจค , โรงงานอุตสาหกรรม และผู้รับเหมางานระบบต่างๆ นั่นช่วยสร้างความได้เปรียบสำหรับการกระจายสินค้าแบบ Offline ได้เป็นวงกว้างไปสู่กลุ่มผู้ใช้โดยตรง อีกทั้งการเปิด RedZone ยิ่งจะทำให้การบริการหลังการขายของเราโดดเด่นมากยิ่งขึ้น Flagship Store แห่งใหม่จะดูแลครอบคลุมกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำเครื่องมือมาตรวจเช็คกับบริษัทได้โดยตรง ทั้งชื่อเสียงของมิลวอกี้ จะมาเสริมให้การทำ Online Digital Marketing ให้เครื่องมือไร้สายเป็นที่รู้จัก และเข้าถึงกลุ่มแฟนๆ ของมิลวอกี้และลูกค้าใหม่ ผ่านเครือข่ายออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ของบริษัท, Social media และ E-commerce marketplace ได้สะดวกและง่ายมากกว่าเดิมปัจจุบัน ตลาดเครื่องมือช่างในประเทศไทย มีความคล้ายคลึงกับธุรกิจ Consumer Durable Goods นั่นคือมีการแข่งขันสูง แต่ส่งผลดีกับผู้บริโภคสำหรับทางเลือกที่หลากหลาย และเครื่องมือไร้สายเองก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกเหล่านั้นเช่นกัน เครื่องมือไร้สายจึงไม่ได้ถูกพูดถึงในฐานะการอัปเกรดของเครื่องมือมีสาย หากแต่เป็นการเข้ามาแทนที่ เข้ามามีบทบาท และตอบโจทย์ในหลายๆ การใช้งานกับตลาดของเครื่องมือช่างทั้ง 20 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มระบบขนส่ง, บำรุงรักษารถ, งานระบบราง, กู้ภัย, หน่วยซ่อมบำรุงอาคาร, รับเหมาก่อสร้าง, งานเครื่องยนต์, ตกแต่งภายใน, งานโลหะ, งานระบบท่อ, ช่างอเนกประสงค์, ช่างประปา, ระบบไฟฟ้า, งานช่างไฟฟ้า, งานระบบท่อหล่อเย็น, งานช่างซ่อม, ช่างไม้, งานคอนกรีต,
งานรื้อถอน, งานผนังและฝ้าเพดาน อีกทั้งแสงชัยกรุ๊ป ยังมองถึงโอกาสในการขยายตลาดเครื่องมือไร้สายไปยังธุรกิจใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมรถยนต์, อุตสาหกรรมก๊าซและน้ำมัน, อุตสาหกรรมเคมี, กลุ่มงานราชการ และงานซ่อมบำรุงต่างๆ“RedZone” หรือ “Milwaukee One Stop Service” Flagship Store แห่งใหม่ จากการตกลงเป็นพันธมิตรร่วมกันอย่างเป็นทางการ ระหว่าง แสงชัยกรุ๊ป และ มิลวอกี้ ตั้งอยู่ที่ 88 ถนนบรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ สามารถติดตามข่าวสารและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 099-191-0008 หรือ www.sangchaigroup.com หรือfacebook.com/MilwaukeebySangchaiGroup และสามารถสั่งซื้อผ่านทางช่องทาง Authorized Partner ที่ www.wechillmart.com :Cr;มณสิการ รามจันทร์

บัณฑิตเอเซีย นำห่างบอลโกแฮร์ยูลีกหญิง นครปฐมไล่เจ๊าสวนสุนันทา สุดมัน

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// “ไดโนเสาร์พิฆาต” วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย เดินหน้าคว้าชัยชนะ นัดที่ 7 โกยคะแนนสะสมเป็น 21 แต้ม นำโด่งแต่เพียงทีมเดียว หลังบุกไปชนะ “วาฬบลูด้า” มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสมุทรสาคร ไปสบายแข้ง 9- 0 “แข้งสาวสาวเมืองเจดีย์ใหญ่” มรภ.นครปฐม เปิดบ้านไล่ตีเสมอ “ลูกพระนาง” มรภ.สวนสุนันทา 1-1.
​การแข่งขันฟุตบอลโกแฮร์ลีกอุดมศึกษาหญิงแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 ชิงถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ นัดที่ 7 ของฤดูกาล เมื่อวัน 8 ต.ค.ที่ผ่านมา

​ที่สนามมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม “แข้งสาวเมืองเจดีย์ใหญ่ มหาวิทยาราชภัฏนครปฐม เปิดบ้านรับ “ลูกพระนาง” มรภ.สวนสุนันทา ทั้ง 2 ทีมเตะกันบนสภาพสนามที่เละเป็นโคลน เพราะมีฝนตกหนักทั้งก่อนหน้า และระหว่างแข่งขัน ทีมเยือน เปิดฝ่ายออกนำก่อน 1-0 จาก “นา” พัมฐ์นันท์ ทองอิ่ม นาทีที่ 14 แต่ นครปฐมตามตีเสมอได้จากฟรีคิกของ “เข็ม” ทิฆัมพร ปัตถา นาทีที่ 39 จบเกมเสมอกัน 1-1 แบ่งกันคนละแต้ม ทำให้สวนสุนันทา มี 11 คะแนน จาก 7 นัด อยู่ที่ 4 ของตาราง ส่วน นครปฐมมี 10 แต้ม แซงเกษมบัณฑิตขึ้นไปอยู่ที่ 5
​ที่สนามมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสมุทรสาคร “ไดโนเสาร์พิฆาต” วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย บุกไปเยือน “วาฬบลูด้า” มกช.สมุทรสาคร เจ้าบ้าน และเป็นฝ่านเดินหน้าถล่มเจ้าถิ่นไปแบบไม่ไว้หน้า 10-0 โดยได้ประตูจาก “ตังค์”พรรณพัชร พันธุวัฒน์ นาทีที่12 “มิ้น”กัญญาณัฐ เชษฐบุตร นาทีที่23และ53 “ขนุน”แสงรวี มีขำ นาทีที่29และ33 “เนย”ภัทรนันท์ อุปชัย นาทีที่47 “ปาล์ม”ศรัญญา ลามี นาทีที่52 “น้ำตาล”อริสรา วิชัย นาทีที่74 “โบ”ชนินาถ มณีโชติสวัสดิ์ นาทีที่75 และ “เป็กกี้”อุไรพร ยงกุล นาทีที่85 จบเกม “วาฬบลูด้า” ปราชัย คาบ้าน 0-10

ชนะนัดนี้ ทำให้ บัณฑิตเอเซีย มี 21 แต้ม 7 นัด ส่วน สมุทรสาครมี 6 แต้ม อยู่ที่ 8 ​​นัดต่อไป วันศุกร์ที่ 9 ต.ค. มกช.ชลบุรี พบกับ ม.ปทุมธานี ที่สนามกีฬากลาง มกช.ชลบุรี, มกช.อ่างทอง พบกับ มรภ.บ้านสมเด็จ ที่สนามมกช.อ่างทอง ทั้ง 2 คู่เริ่มเวลา 16.00 น. และ ม.เกษตรศาสตร์ เปิดบ้านรับ ม.เกษมบัณฑิต ที่สนามอินทรี จันทรสถิตย์​เริ่มเวลา 15.00 น. ถ่ายทอดสดทาง NBT2HD และทุกคู่ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุค Women University League

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“ส.ว่ายน้ำ” สานต่อโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิต ส่งเสริมเด็กด้อยโอกาส

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล อุปนายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย เป็นประธาน การแถลงข่าวการจัดการแข่งขันว่ายน้ำชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 และ การจัดโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิตโดยมี ดวงพร เที่ยงวัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กำกับดูแลองค์กรและกิจการสัมพันธ์ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน), ธนาวิชญ์ โถสกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย, นัฐนี รติชน กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บางกอกแอธเลติก จำกัด และ นุกูล ฉายสุริยะ ผู้แทน ม.อัสสัมชัญ วิทยาเขตสุวรรณภูมิ ร่วมแถลงที่ ห้องประชุมชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา
ดวงพร เที่ยงวัฒนธรรม กล่าวว่า ปตท.มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ในการดำเนินโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิตต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ปตท. เล็งเห็นว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์กับเยาวชนทั้งในด้านการเพิ่มทักษะการว่ายน้ำขั้นพื้นฐานที่ถูกต้อง เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีลดอัตราของการสูญเสียอันเนื่องมาจากการจมน้ำของเยาวชนและสร้างความเป็นเลิศทางกีฬา เพื่อต่อยอดสู่เส้นทางสายกีฬาในอนาคตซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของปตท. การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งเสริมศักยภาพชุมชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืน

ขณะที่ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เปิดเผยว่า สมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ในการจัดโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิต ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อเด็กด้อยโอกาสหรือเด็กที่มีทุนทรัพย์น้อยในเขตภูมิภาคทั่วประเทศ มีโอกาสได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างถูกวิธี เพื่อนำไปสู่การลดอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำภายในประเทศ ซึ่งโครงการนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยสมาคมจะส่งครูสอนว่ายน้ำลงไปสอนทักษะอย่างถูกวิธี ซึ่งจะเริ่มในเดือนตุลาคม-ธันวาคม มีคนลงทะเบียนแล้ว 2,920 คน และมีน้องๆผู้พิการทางการได้ยินมาร่วมโครงการด้วย
นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันว่ายน้ำชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ที่ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท บางกอกแอธเลติก จำกัด และ ม.อัสสัมชัญ ที่เอื้อเฟื้อสถานที่จัดการแข่งขัน ปีนี้มีนักกีฬาเข้าร่วม 906 คน และมีการจัดแข่ง 2 ช่วง คือ วันที่ 11-13 ต.ค.นี้ ชิงชัยของกลุ่ม 3 (อายุ 12-13 ปี) และ กลุ่ม 4 (อายุ 10-11 ปี) วันที่ 23-25 ต.ค.นี้ ชิงชัยของกลุ่ม 1 (อายุ 16-18 ปี), กลุ่ม 2 (อายุ 14-15 ปี) และ กลุ่มทั่วไป (อายุ 18 ปีขึ้นไป)
ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทางฝ่ายจัดจำดำเนินการภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด ต้องมาตรวจวัดอุณหภูมิ การสวมหน้ากายอนามัย และรักษาระยะห่างทางสังคม ทั้งกลุ่มนักกีฬา ผู้ฝึกสอน คณะกรรมการ และผู้เข้าชม สุดท้ายในเดือนตุลาคมสมาคมยังมีอีก 2 รายการคือ การแข่งขันกระโดดน้ำชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย วันที่ 24-25 ต.ค.นี้ ที่ศูนย์กีฬาทางน้ำ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต และ การแข่งขันว่ายน้ำมาราธอน ซีรีส์ 2 ที่พัฒนาสปอร์ตรีสอร์ท จ.ชลบุรี วันที่ 31 ต.ค.นี้

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“สราวุฒิ สิริรณชัย” แชมป์สเตจที่ 3 ผงาดผู้นำคะแนนรวม แย่งเสื้อเขียวคืน จักรยาน “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020”

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// การแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ประเภททีมชาย สเตจที่ 3 ปล่อยตัวจากหน้าเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ไปเข้าเส้นชัย ที่บริเวณหน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร ระยะทาง 204.20 กม. โดยฒ๊ นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธาน ร่วมกับ “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ร่วมในพิธี

สำรับการแข่งขันมาบี้กันสุดมันช่วง 30 กม. สุดท้าย เมื่อนักปั่นกลุ่มนำ 6 คน ได้แก่ สิบตรี สราวุฒิ สิริรณชัย, จ่าอากาศเอก พีระพล ชาวเชียงขวาง และ อริยะ พูลสวัสดิ์ นักปั่นสัญชาติลาว ทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง รวมทั้ง วาเลนติน ไมดีย์ จากทีมรู้ใจ ดอคคอม, นิโคเดมัส โอลเลอร์ กับ เอ็ดเน่ ฟาน แองเกเลน ทีมไบค์ เอด เยอรมนี ปั่นฉีกหนีกลุ่มใหญ่ออกมาทิ้งห่างเกือบ 3 นาที
ผลปรากฏว่า สิบตรี สราวุฒิ สิริรณชัย 3 เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ ฟิลิปปินส์ พุ่งทะยานเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก คว้าแชมป์ประจำสเตจที่ 3 ได้ครอง วาเลนติน ไมดีย์ อันดับ 2 และ นิโคเดมัส โอลเลอร์ อันดับที่ 3 ด้วยเวลา 5.00.26 ชั่วโมงเท่ากัน โดยตำแหน่งผู้นำเวลารวม นิโคเดมัส โอลเลอร์ ทีมไบค์ เอด ด้วยเวลา 10.08.54 ชั่วโมง ได้ครองเสื้อสีชมพู ส่วนอันดับ 2 สราวุฒิ เวลารวม 10.09.36 ชั่วโมง จากชัยชนะในสเตจนี้ทำให้ สราวุฒิ มีคะแนนรวม 41 คะแนน ผงาดคว้าตำแหน่งผู้นำคะแนนรวม แย่งเสื้อเขียวจากทีมไบค์ เอด มาครองได้สำเร็จ

ส่วนรางวัลเจ้าความเร็ว (IS) ประจำจุดที่ 1 นายกฤษณะ แก้วจันทร์ ทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ และรางวัลเจ้าความเร็ว (IS) ประจำจุดที่ 2 จ่าอากาศเอก พีระพล ชาวเชียงขวาง ทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง, รางวัลแชมป์รุ่นยู-23 (รุ่นอายุต่ำกว่า 23 ปี) ประจำสเตจที่ 3 นายทักษ์ แก้วน้อย ทีมไทยแลนด์ ออล สตาร์ เวลา 5.02.51 ชั่วโมง ขณะที่ผู้นำเวลารวมรุ่นยู-23 “เฟรม” สิบตรี ธนาคาร ไชยยาสมบัติ ด้วยเวลา 10.11.22 ชั่วโมง ได้ครองเสื้อสีม่วงต่อไป ด้านเวลารวมประเภททีม อันดับ 1 ทีมไบค์ เอด เวลา 30.30.25 ชั่วโมง, ที่ 2 ทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง เวลา 30.31.18 ชั่วโมง, ที่ 3 ทีมรู้ใจ ดอทคอม เวลา 30.39.45 ชั่วโมง

“โค้ชตั้ม” พันจ่าอากาศเอก วิสุทธิ์ กสิยะพัท หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมไทย เปิดเผยว่า วันนี้เกมเป็นไปตามแผนทุกอย่าง หลังจากแข่งมา 3 เสตจ นักปั่นไทยได้แชมป์ 2 สเตจ ถือว่าน่าพอใจมาก ส่วนที่เหลืออีก 3 สเตจ เป็นเกมที่หนักพอสมควร โดยเฉพาะในสเตจที่ 4 ที่ต้องปั่นข้ามเขาทะลุ แต่นักปั่นของเราก็มีดีพอที่จะกลับมาเป็นผู้นำคะแนนรวมได้ เพราะเราผ่านการฝึกซ้อมเส้นทางนี้มาแล้ว นอกจากนี้ก็มองไปที่การคว้าผู้นำเวลารวมประเภททีมด้วย ขอฝากให้พี่น้องชาวไทยส่งแรงใจมาเชียร์นักปั่นไทยกันมาก ๆ
พลเอกเดชา กล่าวว่า การแข่งขันเป็นไปตามแผนที่ “โค้ชตั้ม” วางเอาไว้ทุกประการ แต่ช่วง 10 กม. สุดท้ายก็ลุ้นกันหนักพอสมควร เพราะเป็นห่วง ธนาคาร จะพลาดการรักษาตำแหน่งผู้นำเวลารวมรุ่นยู-23 สุดท้ายก็ไล่กลุ่มนำทำเวลาได้ทัน นอกจากนี้ก็ลุ้นในช่วงการสปริ้นต์หน้าเส้น แต่ยังเชื่อฝีมือของ สราวุฒิ กับ พีระพล ว่ามีศักยภาพเพียงพอ และทำสำเร็จตามแผน ส่วนสเตจที่ 4 เส้นทางปั่นขึ้นเขา น่าจะเป็นโอกาสดีของนักปั่นไทยที่จะแย่งเสื้อชมพูกลับมาให้ได้

พลเอกเดชา กล่าวอีกว่า สิ่งที่ประเทศไทยได้ผลประโยชน์ จากการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” เรื่องการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย อย่างทีมไบค์ เอด เยอรมนี เขาขออยู่เมืองไทยต่อจนกว่าจะวีซ่าจะหมด เพราะที่ประเทศของเขาสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังค่อนข้างหนัก แต่อยู่ที่นี่เขารู้สึกปลอดภัย และอยากจะเก็บตัวฝึกซ้อมที่เมืองไทยต่อไปสัก 3-4 เดือน นอกจากนี้การถ่ายทอดสดไปทั่วโลกผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ และยูทูป โดยไทยพีบีเอส จะทำให้ชาวต่างชาติได้เห็นแหล่งท่องเที่ยวและธรรมชาติอันสวยงามของไทย เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ มูลค่าเม็ดเงินอาจจะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้พ่อค้าแม่ค้า และชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ธุรกิจโรงแรมที่พักก็มีความคึกคัก

ขณะที่ผู้แทนจากสำนักงานควบคุมโรคที่ 5 ราชบุรี กรมควบคุม ที่ติดตามการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขของสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ตั้งแต่สเตจที่ 1 กล่าวว่า จากการสังเกตการณ์ช่วงที่ผ่านมา สมาคมกีฬาจักรยานฯ สามารถดำเนินได้ตามมาตรการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ ศบค. กำหนดเอาไว้ทุกประการ ขอชื่นชม และขอบคุณสมาคมกีฬาจักรยานฯ รวมทั้งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุข กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด อีกทั้งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

ไทยปลอดเชื้อไวรัสโควิด-19 จัดยิมนาสติกเยาวชนเอเชีย คว้าตั๋วลุยยูธโอลิมปิกเซเนกัล

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// สหพันธ์ยิมนาสติกนานาชาติ อนุมัติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขัน ยิมนาสติกเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย เพื่อคว้าสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขัน ยูธโอลิมปิกเกมส์ ปี 2569 เล็งเมืองพัทยา เป็นสนามแข่งขัน “ศรายุทธ” มั่นใจ โอกาสได้สิทธิ์ไปแข่งขัน ที่ เซเนกัล เป็นไปได้สูง
หลังจากที่สถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 กระจายไปทั่วโลก ทำให้กระทบถึงการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ต้องถูกยกเลิก บางรายการต้องเลื่อนไปแข่งขันในปีหน้า โดย การแข่งขันกีฬายูธ โอลิมปิกเกมส์ แต่เดิมต้องแข่งขันในปี 2022 ต้องถูกเลื่อนไปจัดแข่งขันในปี พ.ศ. 2026 ที่ เซเนกัล เหมือนเดิม
น.ต.ศรายุทธ พัฒนศักดิ์ รองประธานสหพันธ์ยิมนาสติกแห่งเอเชีย และ นายกสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ล่าสุดได้ประชุมออนไลน์ (ซูม) ร่วมกับคณะกรรมการสหพันธ์ยิมนาสติกนานาชาติ (FIG ) ได้มีการหารือเกี่ยวกับแนวทางการจัดการแข่งขันกีฬายิมนาสติกทั้งในระดับนานาชาติ และการแข่งขันยิมนาสติกชิงแชมป์เอเชีย รวมถึงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพของแต่ละรายการ หลังจากที่สถานการณ์ไวรัสโควิด -19 เบาบางลงกว่าเดิม
ที่ประชุมสหพันธ์ยิมนาสติกนานาชาติ ได้มีมติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขันยิมนาสติก เยาวชนชิงแชมป์เอเชีย หรือ ควอลิฟายด์ ยูธ โอลิมปิกเกมส์ 2022 (ปัจจุบันได้ถูกเลื่อนไปแข่งขันในปี 2026 ที่ ประเทศเซเนกัล เนื่องจากมองว่าไทยมีระบบป้องกันปัญหาเชื้อไวรัสโควิด – 19 ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งทุกชาติยอมที่จะเดินทางมาเมืองไทย และให้กักตัว 14 วัน ตามกฎเกณฑ์ที่ทุกชาติได้กำหนด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ น.ต.ศรายุทธ พัฒนศักดิ์ ยืนยันว่า ถือเป็นเรื่องดี และได้มีการกำหนดวันแข่งขัน ในเบื้องต้นเป็นเดือน สิงหาคม ปี 2565 ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ทางสมาคมฯจะคัดนักกีฬายิมนาสติกเยาวชนทีมชาติ ที่ได้เก็บตัวร่วมกันมานาน เข้าแข่งขัน ประกอบกับในช่วงที่หลายชาติติดขัดเรื่องการฝึกซ้อม และมีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนถ่ายนักกีฬาสายเลือดใหม่ที่อายุเกินกำหนด แต่นักกีฬายิมนาสติกของไทยอายุยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างมาก และซ้อมมาอย่างยาวนาน อีกทั้งได้เปรียบเรื่องของการเป็นเจ้าภาพ น่าจะมีโอกาสสูงการคว้าโควตาไปแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ 2026 ที่ เซเนกัล จำนวนหลายคน
ส่วนการแข่งขันยิมนาสติกรุ่นประชาชน รอบคัดเลือก โอลิมปิกเกมส์ 2021 ที่ ญี่ปุ่น ทั้ง แทมโปลีน, ยิมนาสติกลีลา และ ยิมนาสติกศิลป์ โดย จีน ได้ตั้งข้อเสนอต่อ สหพันธ์ยิมนาสติกนานาชาติว่า หาก จีน ไม่ได้เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน รอบคัดเลือก จะไม่ส่งนักกีฬายิมนาสติกเข้าร่วมแข่งขัน คาดว่า จีน น่าจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในเดือน พฤษภาคม ปีหน้า

 

 Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

โอลิมปิก โตเกียว ปรับลดค่าใช้จ่าย ประหยัดถึง 280 ล้านเหรียญสหรัฐ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ไอโอซีเมมเบอร์ เผย ญี่ปุ่น เจ้าภาพโอลิมปิก โตเกียว 2020 ซึ่งเลื่อนการแข่งขันไปจัดในกลางปีหน้า ด้วยปัญหาโควิด-19 นำเสนอมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ในการประชุมบอร์ดไอโอซีครั้งล่าสุด ผลปรากฎว่า ช่วยประหยัดได้มากถึง 280 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 8,700 ล้านบาท
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) กล่าวว่า จากการประชุมบอร์ดบริหารไอโอซี ผ่านทางระบบออนไลน์ครั้งล่าสุด ญี่ปุ่นเจ้าภาพโอลิมปิก โตเกียว 2020 ซึ่งเลื่อนการแข่งขันไปจัดระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม-8 สิงหาคม ปีหน้า ด้วยปัญหาโควิด-19 ได้มีการนำเสนอมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ซึ่งผลปรากฎว่า ช่วยประหยัดงบประมาณในการบริหารจัดการลงได้เป็นจำนวนมาก
โดยมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายของเจ้าภาพ มีทั้ง การลดจำนวนเจ้าหน้าที่ในการแข่งขัน 10-15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหมายถึงเงินที่ใช้ไปกับอาหาร เครื่องดื่ม และ การขนส่ง จะน้อยลง รวมถึงการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะลดปริมาณแสงสว่าง และอุปกรณ์จ่ายไฟชั่วคราวเพิ่มเติมสำหรับสถานที่จัดงาน
นอกจากนี้ ยังจะมีการลดขั้นตอนในพิธีการที่หมู่บ้านนักกีฬา และก่อนพิธีเปิดการแข่งขัน ลดการตกแต่งสถานที่จัดงานลง 30-40 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงการปรับปรุงการบริการขนส่ง การปรับกิจกรรมของผู้ชมในสถานที่แข่งขัน ซึ่งทั้งหมดนี้ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 280 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (217 ล้านปอนด์ / 238 ล้านยูโร) หรือประมาณ 8,700 ล้านบาท
ไอโอซีเมมเบอร์หญิงชาวไทย กล่าวต่อว่า เจ้าภาพญี่ปุ่น ได้แสดงความขอบคุณต่อ ไอโอซี และ คณะกรรมการพาราลิมปิกสากล (ไอพีซี) รวมถึง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน สำหรับความร่วมมือในมาตรการลดความซับซ้อนการจัดการแข่งขัน ซึ่งมาตรการนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “โมเดลโตเกียว” พร้อมแนะนำให้ประเทศเจ้าภาพในอนาคตสามารถเรียนรู้จากขั้นตอนการลดต้นทุนดังกล่าวนี้ได้

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์