วันเสาร์, กันยายน 13, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 2073

45 ปีแม็คยีนส์ ประสบการณ์ของตัวจริงกับ “The Legend Never Fades

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//“แม็คยีนส์” แบรนด์ยีนส์อันดับหนึ่งของไทย ธุรกิจยีนส์ที่เติบโตมาถึง 45 ปี ก้าวข้ามความท้าทายต่างๆมาได้อย่างมั่นคง   ฉลองครบครอบ 45 ปีด้วยการตอกย้ำภาพความแข็งแกร่งของประสบการณ์ผ่านหนังสั้น “The Legend Never Fades” และประกาศจุดยืนพร้อมสร้างตำนานบทใหม่กับ New S-Curve ที่พัฒนาศักยภาพธุรกิจต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความเชื่อที่ว่า Jeans Never Die!นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “MC” องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ กล่าวว่า  ไม่ว่าโลกแฟชั่นจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ยีนส์จะไม่มีวันตาย (Jeans Never Die)  ในทุกยุคทุกสมัย  “…แทบทุกคนมียีนส์ในตู้เสื้อผ้าอย่างน้อย 4-5 ตัว และยังซื้อเพิ่มใหม่อยู่ตลอด  ตามโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย การเปลี่ยนยีนส์ตามรูปร่างที่เปลี่ยนไป หรือแม้แต่ใส่ยีนส์เพื่อช่วยเสริมบุคคลิก…”

ล่าสุดแม็คยีนส์ปล่อยหนังสั้น ที่เล่าเรื่องราวของริ้วรอยบนกางเกงยีนส์กับประสบการณ์ชีวิต  ความหมายของการเดินทางเพื่อสร้างเส้นทางชีวิตของตัวเอง  ความทรงจำและร่องรอยของการใช้ชีวิตคือของขวัญจากกาลเวลาที่ทรงคุณค่าและมีเสน่ห์เฉพาะตัว   ไม่เพียงแค่เรื่องราวที่น่าสนใจแต่เพลงประกอบหนังก็สร้างความประทับใจเช่นกัน กับการเลือกเพลงดังในยุค 90 อย่างเพลงอยากจะบอกใครซักคนของวงไมโคร ตำนานร็อคมือขวาที่ไม่ได้ยินไม่ได้ฟังมานานร้อยเรียงเข้ากับเรื่องราวได้อย่างทรงพลัง  เรียกว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของทั้งตำนานยีนส์และตำนานเพลง โดยหนังเรื่องนี้ได้นักแสดงดาวรุ่งวัยทีนอย่าง วอร์ วนรัตน์ รัศมีรัตน์ มาร่วมถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างน่าประทับใจ

ทั้งนี้ ยังได้ผุดโปรเจคเพื่อฉลองการก้าวเข้าสู่ปีที่ 45 อย่าง Mc Jeans Fade Contest ปั้นเฟด ปั้นฝัน กับครั้งแรกที่แม็คยีนส์จัดให้สาวก RAW DENIM มาแข่งขันปั้นเฟดด้วยกางเกง MC JEANS 18 OZ. รุ่น 45 ปี LIMITED EDITION ซึ่งเป็นกางเกงยีนส์รุ่นพิเศษ ที่ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน  เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมสร้างสรรค์ริ้วรอยของประสบการณ์ชีวิตผ่านกางเกงแม็คยีนส์ 18 Oz. ของตัวเอง เพื่อชิงเงินรางวัลรวม 520,000บาท โดยงานนี้แม็คยีนส์ได้ Mr.Ruedi Karrer หรือที่รู้จักกันดีในสายปั้นเฟดระดับโลก ในชื่อ Swiss Jeans Freaks  ฉายากูรูแห่งยีนส์ ผู้คร่ำหวอดในวงการยีนส์มาเป็นเวลาหลายสิบปีและเป็นผู้ก่อตั้ง Jeans Museum หรือพิพิธภัณฑ์ยีนส์ ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มียีนส์เฟดสะสมมากกว่า 14,000 ตัว  มาร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน โดยในครั้งนี้คุณ Ruedi จะมาช่วยคัดเลือกแม็คยีนส์ 18 Oz.ที่เฟดแล้วสวยที่สุดในสายตากูรูยีนส์เฟดระดับโลก ครั้งแรกในไทย ทั้งนี้ MC JEANS 18 OZ. รุ่น 45 ปีที่ชนะ Mc Jeans Fade Contest ปั้นเฟด ปั้นฝัน จะได้แสดงโชว์ ณ พิพิธภัณฑ์ยีนส์ ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย

นอกจาก Mc Jeans 18 Oz. รุ่น 45 ปี Limited Edition ยีนส์ริมแดง (Selvedge) ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษแล้ว ในคอลเลคชั่นฉลอง 45 ปีนี้ แม็คยีนส์ยังได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทั้งกางเกงยีนส์และแจ็คเก็ตยีนส์รุ่นพิเศษด้วยยีนส์ริมแดง 14.5 Oz. ที่พิเศษด้วย Texture ของผ้ายีนส์และยีนส์ริมแดง 13.5 Oz.  ทุกรุ่นมีความพิเศษด้วยดีเทลกระดุมและรีเว็ตทองแดง (Copper rivets) ปลายขาลูกโซ่ ป้ายแท็กหนังตอกหมุดโลโก้ ‘Mc’ และที่ Coin pocket ด้านขวายังปักโลโก้ครบรอบ 45 ปีและเสริมดีเทลริมแดงเพิ่มความพรีเมียมที่เป็นเอกลักษณ์

“แม็คยีนส์เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งด้วยคุณภาพ มีแฟนคลับที่รักแบรนด์อย่างเหนียวแน่น  มีซัพพลายเชนที่สมบูรณ์ตั้งแต่กระบวนการผลิต การจัดการระบบคลัง การจัดส่งสินค้า ตลอดจนจุดขายที่มีกว่า 600 จุดขายทั้งในและต่างประเทศ และเรายังคงมุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นด้วยการสร้าง Customer Experience หรือการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งให้ลูกค้าประทับใจ รวมถึงกลยุทธ์ดัน New S-Curve  เพิ่มช่องทางการขายและขยายกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น ทั้งกลุ่มผู้หญิง กลุ่มมิลเลนเนียลส์และกลุ่มคนเมือง เพื่อสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นางชนัญญารักษ์กล่าว

ติดตามเรื่องราว 45ปีของยีนส์ตัวจริงและมาร่วมสร้างริ้วรอยของประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวบนกางเกงยีนส์ได้แล้ววันนี้ ที่ www.facebook.com/mcjeans  และ www.mcshop.com ( ลิงก์ https://bit.ly/2HSnK8O ):Cr;มณสิการ รามจันทร์

 

 

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://timeline.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1160479664010054997
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

 

“องค์กรสื่อยื่น”ป.ป.ช.-คตง. สอบ รฟม. ปมฉาวรื้อเกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // รฟม.จ่องานเข้าอีก หลังดั้นเมฆรื้อเกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้ม ไม่ยี่หระคำสั่งศาล องค์กรสื่อมวลชนออกโรงยื่น ป.ป.ช.-คตง. สอบสวนหาไอ้โม่งชักใยอยู่เบื้องหลัง-เอื้อประโยชน์ใครหรือไม่

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 นายคฑาภณ สนธิจิตร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน(ประเทศไทย) และ รองประธานเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ส.ท.ช.) ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบเอาผิด ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกเอกชนเข้าลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม (คณะกรรมการตาม มาตรา 36) เนื่องจากมีพฤติการณ์ที่ไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอกชนบางรายหรือไม่

นายคฑาภณ ระบุว่า จากการติดตาม และตรวจสอบเส้นทางการประมูลโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 35.9 กม. วงเงินลงทุน 142,789 ล้านบาท) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ที่ออกประกาศเชิญชวนเอกชนให้เข้าร่วมลงทุนในโครงการนี้
ตั้งแต่ วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 โดยมีกำหนดยื่นซองข้อเสนอใน วันที่ 23 กันยายน 2563 พบว่า หลังปิดขายซองประมูลไปร่วม 2 เดือน ฝ่ายบริหาร รฟม. และ คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือก ที่มี นายกิตติกร ตันเปาว์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ รฟม. และรักษาการรองผู้ว่าการ รฟม.(วิศวกรรมและก่อสร้าง) เป็นประธาน กลับมีการ
พิจารณาเห็นชอบ ให้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การประเมินข้อเสนอการร่วมลงทุนโครงการดังกล่าว จากรูปแบบเดิม ที่จะพิจารณาซองข้อเสนอด้านการเงิน และผลตอบแทนการลงทุนจากบริษัทเอกชนที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นเกณฑ์ปกติสำหรับการประมูลโครงการลงทุนรัฐ/ ร่วมลงทุน
ของรัฐโดยทั่วไป มาเป็นการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค ควบคู่กับด้านราคา(สัดส่วน 30:70) โดยอ้างว่า มีบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประมูลร้อง และคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกฯ (คณะกรรมกาตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562) เสียงส่วนใหญ่ให้ความเห็น
ชอบแล้ว พร้อมมีมติให้ขยายระยะเวลาในการยื่นข้อเสนอออกไป 45 วัน เป็นวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาปรับปรุงเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกในโครงการดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์จากหลายภาคส่วนที่เห็นว่า ไม่มีความโปร่งใส และส่อไปในทางทุจริต โดยองค์การต่อต้านการคอร์รัปชัน(ประเทศไทย) หรือ ACT รวมทั้งบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BTS
ที่เข้าประมูล ซึ่งได้แสดงจุดยืน คัดค้านการปรับปรุงเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกดังกล่าว เพราะ เป็นการดำเนินการภายหลังจากที่ รฟม. ได้ปิดขายซองประมูลไปแล้วนับเดือน ทั้งยังถือเป็นการดำเนินการที่ขัดกฎหมาย และเป็นการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ตัดสิน ไปจากที่ คณะรัฐมนตรี(ครม)ให้ความเห็นชอบไว้ จึงได้ยื่น
หนังสือเปิดผนึกถึง ประธานคณะกรรมการตามมาตรา 36 แห่งพ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนฯ และ กระทรวงคมนาคม เพื่อคัดค้านการปรับปรุงเกณฑ์ การประมูลดังกล่าว พร้อมยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้เกณฑ์ดังกล่าว เพราะเห็นว่า ไม่โปร่งใส และไม่มีความเป็น
ธรรม ส่อเอื้อผลประโยชน์แก่บริษัทเอกชนบางราย

ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตต่อการปรับปรุงเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกในครั้งนี้ ที่ส่อไปในทางทุจริต เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชนบางราย เพราะในการประมูลพิจารณาคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ ของ รฟม.เอง หรือแม้กระทั่งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่มีความซับซ้อนและต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงกว่ารถไฟฟ้า สายสีต่างๆ ของรฟม.หลายเท่าตัว ก็ยังไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกเอกชนสุดพิสดาร เช่นที่ รฟม. และคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกดำเนินการกับโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มนี้ แม้แต่การพิจารณาคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ) ที่ต้องก่อสร้างเป็นระบบใต้ดิน และก่อสร้างอุโมงค์ลอดใต้แม้น้ำเจ้าพระยา เช่นเดียวกับโครงการนี้ รฟม. ก็ยังไม่เคยมีการกำหนดเงื่อนไขสุดพิสดารเช่นที่กำลังดำเนินการอยู่นี้

ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 63 ศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งให้ รฟม. และคณะกรรมการตามมาตรา 36 ทุเลาการบังคับใช้เกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกใหม่ไว้ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอื่น โดยให้กลับไปใช้หลักเกณฑ์เดิม ในการประมูลโครงการ แต่ผู้ว่าการ รฟม. และคณะกรรมการตามมารตารา 36 ยังคงยืน
กรานที่จะเดินหน้าอุทธรณ์คำสั่งศาลเพื่อขอใช้เกณฑ์ปรับปรุงการประเมินเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าวใหม่ อันเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า ยังคงมี
ความพยายามที่จะใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกเพื่อหวังเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทเอกชนบางรายอย่างชัดเจน โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน(ประเทศไทย) จึงได้ยื่นหนังสือต่อ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบเอาผิดกับ คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกฯ (คณะกรรมการตามมาตรา 36) และผู้ว่าการ รฟม. รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องการการดำเนินโครงการนี้ ว่ามีพฤติการณ์ที่ส่อไป
ในทางทุจริตหรือไม่ เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชนบางรายหรือไม่ พร้อมกันนี้ ทางสมาคมฯ ยังจะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ประธานคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) เพื่อให้ คตง. ได้เข้ามาตรวจสอบการทุจริตในโครงการดังกล่าอีกด้วย เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งความโปร่งใสในการดำเนินโครงการรัฐต่อไป.

 

 

 

 

 

เปิดฉากหวด “หัวหิน โอเพ่น 2020” สุวัจน์ ลั่นสร้างเวทีพัฒนาเทนนิส พร้อมกระตุ้นท่องเที่ยว-เศรษฐกิจ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // เปิดฉากศึกเทนนิสใหญ่ “หัวหิน โอเพ่น 2020 พรีเซนเต็ด บาย แคล-คอมพ์ แอนด์ ซีซีเอยู อินดัสเทรียล 4.0” หวด 3 รายการ ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้าน “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ลั่นสร้างเวทีแข่งขันพัฒนาวงการเทนนิสไทย พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลกระตุ้นการท่องเที่ยว และเป็นกลไกผลักดันเศรษฐกิจประเทศ
ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาการจัดการแข่งขันฯ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันเทนนิสอาชีพ รายการ “หัวหิน โอเพ่น 2020 พรีเซนเต็ด บาย แคล-คอมพ์ แอนด์ ซีซีเอยู อินดัสเทรียล 4.0” ที่จีเอสบี เซ็นเตอร์คอร์ต ทรู อารีน่า หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก นายธนะศักดิ์ จรรยาพูน กรรมการอิสระ บริษัท แคล-คอมพ์อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), นางกัญญา มโนเสงี่ยม รองผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์, นายธีรศักดิ์ ดาวชัยศักดิ์ ผู้จัดการขายประจำพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บริษัท ทรูคอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน), นายนฐา ชมเสวี ผู้จัดการทั่วไป สวนน้ำ วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล และทรู อารีน่า หัวหิน, มร.ไมเคิ่ล แยนเซ่น ผู้จัดการทั่วไปประจำพื้นที่ โรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท, ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ต วานา นาวา หัวหิน, อินเตอร์ คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท, มร.ดีแลน พอล เคาน์เซล ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา หัวหิน และ “บอล” นายภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสมืออันดับ 9 ของโลก ในฐานะผู้อำนวยการการแข่งขันฯ เข้าร่วมด้วย

ฯพณฯ สุวัจน์ กล่าวว่า จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก ทำให้มีการระงับการแข่งขันเทนนิสหลายรายการในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่สำหรับประเทศไทยล่าสุดนั้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี และรัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนปรนให้จัดการแข่งขันกีฬาได้ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ฉะนั้น ทรู อารีน่า หัวหิน จึงได้จัดการแข่งขันเทนนิสรายการนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก ชิงเงินรางวัล 1.5 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน-27 ธันวาคม 2563 เพื่อให้นักกีฬาได้มีเวทีแข่งขัน หลังไม่ได้แข่งขันมาหลายเดือน ตลอดจนให้นักกีฬาได้พัฒนาฝีมือ เทคนิคการเล่น และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ โดยรายการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “หัวหินเมืองแห่งความสุข” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวหัวหิน โดยจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบใหม่ 360 องศา

ฯพณฯ สุวัจน์ กล่าวอีกว่า การแข่งขันได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักเทนนิสเข้าร่วมแข่งขันกว่า 100 คน รวมถึงนักเทนนิสทีมชาติและอดีตทีมชาติ โดยเฉพาะ “ปิ๊ก” ร.ต.อ.ดนัย อุดมโชค ที่ให้ความสนใจมาลงแข่งขันในประเภทชายคู่ด้วย รวมทั้ง “จูเนียร์”วิชยา ตรงเจริญชัยกุล, “บูม” กษิดิษ สำเร็จ, “จูน” ณัฐนิดา หลวงแนม, “ไหม” มนัญชญา สว่างแก้ว โดยรายการนี้นอกจากจะส่งเสริมด้านการกีฬาแล้ว ยังจะสร้างชื่อเสียง และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เมืองหัวหินกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองไทย โดยการประชาสัมพันธ์ไปสู่สายตาผู้ชมผ่านการแข่งขันเทนนิสมาตรฐานระดับโลกที่ทรู อารีน่า หัวหิน พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และนักท่องเที่ยว ที่เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอีกด้วย
“นับเป็นการเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์เทนนิสภายในประเทศที่เป็นรายการใหม่ครั้งแรก เพื่อให้การแข่งขันเทนนิสมีความต่อเนื่อง และสร้างนักเทนนิสรุ่นใหม่ๆ ด้วยการเสริมการแข่งขันในรุ่นเยาวชน และรุ่นสูงอายุด้วย โดยกระแสตอบรับจากนักกีฬาเทนนิสถือว่ามาเต็มชุดเลย ซึ่งนอกจากการส่งเสริมกีฬาเทนนิสแล้ว ยังเป็นการส่วนหนึ่งในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล เรื่องการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ เพราะในโครงการหัวหินเมืองแห่งความสุขก็จะทั้งเทศกาลกีฬา เทศกาลบันเทิง และเทศการภาพถ่ายในช่วง 3 เดือนนี้ด้วย”

สำหรับการแข่งขันเทนนิสอาชีพ รายการ “หัวหิน โอเพ่น 2020 พรีเซนเต็ด บาย แคล-คอมพ์ แอนด์ ซีซีเอยู อินดัสเทรียล 4.0” จะมีทั้งหมด 3 รายการ ชิงเงินรางวัลรายการละ 500,000 บาท ได้แก่ รอบสะสมคะแนน 2 รายการ เพื่อสะสมคะแนนอันดับเงินรางวัลคว้าสิทธิเข้าสู่รอบมาสเตอร์ส โดยรายการแรก วันที่ 1-8 พฤศจิกายน, รายการสอง วันที่ 22-29 พฤศจิกายน และรายการสุดท้ายคือ รอบมาสเตอร์ส วันที่ 22-27 ธันวาคม โดยจะมีรุ่นการแข่งขัน ประกอบด้วย รุ่นทั่วไป ประเภทชายเดี่ยว, หญิงเดี่ยว, ชายคู่, หญิงคู่ รวมทั้งรุ่นเยาวชน ประเภทชายเดี่ยว, หญิงเดี่ยว, ชายคู่, หญิงคู่ และรุ่นผู้สูงอายุ ชาย-หญิง ประเภทคู่อย่างเดียว
ภายหลังจากพิธีเปิดการแข่งขันเสร็จสิ้น เป็นการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ประเภทคู่ ระหว่าง “ปิ๊ก” ร.ต.อ.ดนัย อุดมโชค อดีตนักเทนนิสทีมชาติไทย เหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ 2006 และอดีตมือ 1 ของไทย จับคู่กับ “ทิกิ” ธีรดนย์ ต่อตระกูล ในฐานะคู่ไวลด์การ์ด ลงสนามดวลแร็กเก็ต พบกับ คู่มือวางอันดับ 1 ของรายการ “ต้น” สนฉัตร รติวัฒน์ และ “เน็ต” พลภูมิ โควาพิทักษ์เทศ

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

งามไส้ ศิริมงคล ตกเครื่องติด แทนซาเนีย ขอ จนท.ไทยช่วยด่วน !!

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // “ม้าแก่” ศิริมงคล สิงห์วังชา อดีตแชมป์โลกขวัญใจชาวไทย คืนสังเวียนอีกครั้งในต่างแดน เผชิญปัญหาสารพันทั้งโดนหักค่าตัวและไม่มีใบรับรองแพทย์ตรวจโควิด จนต้องตกเครื่องไม่สามารถเดินทางกลับเมืองไทยได้ เจ้าตัวครวญผ่านโซเชียล ไม่มีเงินเหลือแม้ค่าตัว ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทางการไทยด่วน
“เจ้าโอ๋” ศิริมงคล อดีตแชมป์โลก 3 รุ่น 2 สถาบัน จำต้องหวนคืนสังเวียนอีกครั้งในวัย 43 ปี ด้วยพิษเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด หลังได้รับการติดต่อให้ไปชกที่แทนซาเนีย กับ ทวาฮา กิดูกู แชมป์ประเทศแทนซาเนีย รุ่นซูเปอร์มิดเดิ้ลเวต เดิมทีทางผู้จัด เชามาลี อายับ จะจัดเป็นการชิงแชมป์ “ว่าง” สภามวยแห่งเอเชีย WBC Asia รุ่น 168 ปอนด์ แต่เมื่อใกล้วันชก ทางสถาบันฯไม่รับรองเนื่องจากผิดขั้นตอนในระเบียบการจัดหลายประการ อาทิ ไม่ยอมส่งกรรมการของสถาบันฯไปทำหน้าที่ การชกดังกล่าวจึงกลายเป็นการชกนอกรอบ กำหนด 10 ยกแทนที่

ซึ่งผลการชกที่ ดาร์เอส ซาลาม เมืองหลวงเก่าแทนซาเนีย เมื่อ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา “เจ้าโอ๋” ศิริมงคล ต้องรีดลดน้ำหนักถึง 15 กก.แต่ยังเกินพิกัดอีก 3 กก.ไม่สามารถทำน้ำหนักได้ตามพิกัด 168 ปอนด์ จึงเป็นการชกนอกรอบ และขอยอมแพ้หลังหมดยกที่ 7 ทางผู้จัดจึงหักค่าตัว ศิริมงคล 40 เปอร์เซ็นต์ตามสัญญาที่ระบุไว้ก่อนชก ล่าสุดเมื่อ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้เกิดปัญหาขึ้นเมื่อ ศิริมงคล และ “ติ๋ว” วิพัฒนา แทนมูล ผู้จัดการสาวผู้ทำหน้าที่ล่ามและเดินทางไปด้วยกัน 2 คน ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ เนื่องจากทั้งคู่ไม่มีเอกสาร รับรองการตรวจไวรัสโควิด ภายใน 72 ชม. จึงไม่สามารถผ่าน ตม.สนามบิน (กองตรวจคนเข้าเมืองแทนซาเนีย) เพื่อขึ้นเครื่องได้
ทาง ศิริมงคล จึงได้โพสต์คลิปขอความช่วยเหลือ “ผมตกเครื่องครับ เพราะสถานการณ์โควิด ซึ่งผมไม่รู้อะไรเลย และต้องทำอะไรอย่างไรบ้างมีแต่ มาดามติ๋ว ผู้จัดการผมที่พอจะเจรจาเป็นล่ามให้ แต่เราสองคนก็ไม่มีความรู้ใดๆเลย ซึ่งติ๋วบอกว่า เราไม่มีใบรับรองแพทย์จากสถานทูตไทย จึงไม่มีเอกสารแสดงหลักฐานที่สนามบิน ทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ ถือเป็นบทเรียนราคาแพงครั้งหนึ่งในชีวิต”
โอ๋ กล่าวอีกว่า “การชกครั้งนี้ ไม่ได้รับรองให้เป็นการชิงแชมป์ ผมจึงได้ค่าตัวน้อย แต่ก็ยังดีที่ มิสเตอร์เชามาลี โปรโมเตอร์ช่วยดูแลเป็นอย่างดี แต่เขาก็ยังไม่ได้รับเงินจากการจัด ซึ่งเขาก็ไม่มีเงินเลยในตอนนี้ ผมคิดถึงทุกคนทั้งพ่อแม่และญาติพี่น้องทางเมืองไทย แต่ไม่สามารถกลับบ้าน อยากให้ใครก็ได้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทางการไทยให้ความช่วยเหลือผมในเรื่องนี้”

กรณีดังกล่าว มีการสอบถามไปยัง “มาสเตอร์ เจย์” นายศวิรินทร์ ปิ่นแก้ว ครูมวยสุรกิตย์ยิมส์ที่ภูเก็ต ผู้ประสานงานให้ศิริมงคลได้ไปชกที่แทนซาเนีย ซึ่งอยู่ในไทยเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะทางสถานีทีวีของแทนซาเนีย เห็นว่า มวยคู่นี้ไม่ได้ชิงแชมป์จึงจ่ายค่าตัวเพียงครึ่งเดียวใหักับทาง เชามาลี อายับ โปรโมเตอร์ และตัวเงินก็ยังไม่ถึงมือในขณะนี้ด้วย ทางโปรโมเตอร์พาศิริมงคลออกจากโรงแรมไปพักที่บ้านของคนไทยในแทนซาเนีย และอยู่ระหว่างเดินเรื่องเพื่อขอเอกสารใบรับรองจากสถานทูตไทยที่แทนซาเนีย เบื้องต้นเท่าที่ทราบจะต้องกลับมาถูกกักตัวในไทย และต้องเสียค่าใช้จ่ายเองคนละประมาณ 4 หมื่นบาท ซึ่งลำพังค่าตัวจากการชกก็ไม่เพียงพอเลยด้วยซ้ำ ถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักมวยไทยที่จะไปชกในต่างแดน ช่วงปัญหาไวรัสโควิด ที่น่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง และจะมีใครบ้างไหมที่พอจะช่วยเหลือในเรื่องนี้”

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

แซก สยบ ขวัญ 4-1 ลิ่ว 8 คน นุ้กคิวคมทิ่มเปา ลุ้นแชมป์

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // การแข่งขันสนุกเกอร์สะสมคะแนนประเทศไทย รายการพี 80-ทรู​ จันทบุรีคัพ​ 2020​ ไทยแลนด์ แรงกิ้ง สนามที่​ 7​ ชิงแชมป์ประเทศไทย (สนามสุดท้าย) รอบ 16 คน เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ชิงเงินรางวัลรวม 1,522,000 ที่ ห้องบอลรูมโรงแรม นิวแทรเวิลลอดจ์ จ.จันทบุรี​ ซึ่งนักกีฬา​ท่านใดทำแม็กซิมั่มเบรก​ 147​ แต้มได้รับเงินสด​ 5​ แสนบาทจากอิมิเน่นท์แอร์​ และโต๊ะสนุกเกอร์​ 1​ ตัวจาก​ ตี๋​ พีทีเอส​ โอภาส​ สุวรรณ​ราช​ นอกจากนี้ทรัสต์ซิตี้มอบเงินรางวัล​ 1​ หมื่นบาทให้กับนักสนุกเกอร์ที่ทำเซนจูรี่เบรกเกิน​ 100​ แต้มได้ทุกคน

คู่แรก​ สุชาครีย์​ พุ่มแจ้ง”ขวัญ​ สระบุรี” แชมป์สนุ้ก​ 6​ แดงประเทศไทยคนล่าสุด​ และนักกีฬาทีมขาติชุดเอเชี่ยนอินดอร์​แอนด์​มา​ร์เชีย​ลอาร์ต​เกมส์​ ดวลคิวกับ​ นพดล​ แสงนิล​ “แซก​ โซโฟน” นักสนุกเกอร์ทุนพระราชทาน​ในหลวงรัชกาลที่​ 9​ ปรากฎว่า​ แซก​ โซโฟน​ ที่อาศัยการเล่นคุมเชิงรอจังหวพสองจากการพลาดของ​ ขวัญ​ สระบุรี​ เป็นฝ่ายแทงออกนำไปก่อน​ 2-0 เฟรม​ จากนั้นในเฟรมที่​ 3​ ขวัญ​ สระบุรี​ เริ่มออกคิวได้คมกริบกดไม้เดียว​ 107 แต้มรับเงินโบนัส​ 10,000​ ยาทจากทรัสต์ซิตี้​ ไล่​ แซก​ โซโฟน​ มา​ 1-2 หลังจากนั้นอีก​ 2​ เฟรม​ ทาง​ แซก​ โซโฟน​ มาออกคิวปล้นชัยทั้ง​เฟรม​ 4​ และเฟรม​ 5​ จนเป็นฝ่ายเก็บขัยชนะเหนือ​ ขวัญ​ สระบุรี​ 4-1 เฟรม​ 65-13, 73-46, 12-108(107), 59-44, 57-52 “แซก​ โซโฟน” ผ่านเข้ารอบ​ 8​ คนสุดท้าย พบกับ​ ธนวัฒน์​ ถิรพงศ์​ไพบูลย์​ “แมน​ นครปฐม” โดยทางแซกกล่าวว่า​ รอบนี้เป็นีองแต่ก็จะพยายามสู้อย่างเต็มที่​ ฝากพี่น้องชาวจันทบุรีเข้ามาเชียร์กันเยอะๆ

คู่ของ​ กฤษณัส​ เลิศ​สัตยาทร​ “นุ้ก​ สงขลา” เหรียญ​ทองซีเกมส์​ และแชมป์เก็บคะแนนสะสมประเทศไทย​ 3​ รายการติดปีนี้​ พบกับ​ สุชาติ​ สุขเลี่ยม​ “เปา​ โพธิ์สามต้น” แชมป์สนุกเกอร์ทีมซีเนียรชิงแชมป์โลก​ปี​ 2017​ เปิดฉาก​ 4​ เฟรมแรก​ นุ้ก​ สงขลา​ แชมป์​ 3​ รายการติดยังออกคิวได้ไหลลื่นเป็นฝ่ายทำสกอร์ออกนำ​ เปา​ โพธิ์สามต้น​ นำไปก่อน​ 2-0 เฟรม​ ก่อนที่​ เปา​ จะมาเก็บเฟรมสามไล่มเป็น​ 1-2 แต่ก็ยังเกินไปเมื่อนุ้ก​ สงขลา​ ออกมากด 56​ แต้มและ​ 53 แต้มตามลำดับเป็นฝ่สยปิดเกมเอาชนะ​ สุชาติ​ สุขเลี่ยม​ หรือ​ เปา​ โพธิ์สามต้น​​ 4-1 เฟรม​ 56-40, 66-9, 33-64, 112-6, 50-32 นุ้ก​ สงขลา​ เข้ารอบ​ 8​ คน​โดยทางนุ้กหวังว่าในปีนี้จะสร้างประวัติศาสตร์​ให้กับตัวเองด้วยการคว้าแชมป์ประเทศ​ครั้งแรกให้ได้

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

พลิกล็อก! “ยุทธนา” โค่นเต็ง1หวด หัวหินบายแคล-คอมพ์

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // การแข่งขันเทนนิสอาชีพ รายการ “หัวหิน โอเพ่น 2020 พรีเซนเต็ด บาย แคล-คอมพ์ แอนด์ ซีซีเอยู อินดัสเทรียล 4.0” ชิงเงินรางวัลรวม 500,000 บาท สะสมคะแนนสู่รอบมาสเตอร์ส (รายการแรก) ที่จีเอสบี เซ็นเตอร์คอร์ต ทรู อารีน่า หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา รุ่นทั่วไป ประเภทชายเดี่ยว รอบแรก มีการพลิกล็อกเกิดขึ้น เมื่อเต็งหนึ่งพลาดท่าให้แก่รุ่นน้อง ระหว่าง “จูเนียร์” วิชยา ตรงเจริญชัยกุล นักเทนนิสทีมชาติ วัย 25 ปี มือ 1 ของไทย และมือวางอันดับ 1 ของรายการ กับ “สอง” ยุทธนา เจริญผล วัย 20 ปี มือ 14 ประเทศไทย ปรากฏว่า เซตแรก ยุทธนา สามารถโชว์ฟอร์มได้ดี เบรกได้ในเกมที่ 3 นำ 2-1 และยังเล่นดีต่อเนื่อง กระทั่งชนะไป 6-4 เซตสอง วิชยา คุมเกมไว้ได้ นำ 5-2 แต่ก็ปิดเซตไม่สำเร็จ สุดท้าย ยุทธนาพยายามยื้อและไล่มาถึงไทเบรกและเป็นฝ่ายชนะไปในที่สุด 2-0 เซต 6-4 และ 7-6 ไทเบรก 7-4 ใช้เวลาแข่งขันทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 27 นาที ยุทธนาเข้ารอบสอง หรือรอบ 16 คน

สุดท้าย พบ ณัฐสิทธิ์ กุลสุวรรณ์ ที่ชนะ อนพัช ทิมางกูร 2-0 เซต 6-0, 6-1
คู่อื่นๆ ชายเดี่ยว รอบแรก ภวินทร์ จิรภูมิเดช ชนะ กษิดิศ สำเร็จ 3-6, 6-2, 7-5, นวกานต์ ขุนจันทร์ ชนะ ธนกร ศรีรัตน์ 6-2, 1-6, 6-1 วรชน รักษ์ปวงชน ชนะ ธนเพชร ฉันทะ 6-3, 6-1 ฐานทัพ สุขสำราญ ชนะ ฉัตริน วารีศรี 6-2, 6-0 ณัฏฐญุตม์ นิธิธนนนต์ ชนะ พศวีร์ เหรียญสุวงศ์ 7-5, 6-1
หญิงเดี่ยว รอบแรก ทรรศพร นาคหล่อ ชนะ ณัฐพัชร์ ผิวบางรักษ์ 6-0, 6-3 กมลวรรณ บัวแย้ม ชนะ ไหม ณภัทร นิรันดร 7-5, 7-5 ส่วนหญิงคู่ รอบก่อนรองชนะเลิศ พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช /ศุภาพิชญ์ เกือรัมย์ ชนะ ทรรศพร นาคหล่อ /อัญชิสา ฉันทะ 6-1, 6-2, ธมจันทร์ มอมขุนทด /วรรษชล สวัสดี ชนะ ณัฐพัชร์ ผิวบางรักษ์ /รดา มานะทวีวัฒน์ 7-5, 6-2, ณัฐนิดา หลวงแนม /ลัลนา ธาราฤดี ชนะ พัณณิน โควาพิทักษ์เทศ /ยิ่งลักษณ์ จิตตะโคตร์ 6-1, 3-6 และซูเปอร์ไทเบรก 10-4

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

ครูแรมบ้า ชวนดูมวยกุศลฟรี ที่ พัทยาเหนือ เมืองชล

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // “ครูแรมบ้า” สมเดช ศิษย์ อ. อดีตมวยดังและแชมป์โลกมวยกรงคนแรกของไทย เชิญชวนผู้สนใจร่วมชมมวยการกุศล “ศึกรวมพลคนรักมวย เมืองพัทยา” วันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย.นี้ ที่ เวทีมวยชั่วคราว ข้างธนาคารธนชาต พัทยาเหนือ ชมฟรี ตั้งแต่ 18.00 น. จากการสนับสนุนโดย ศิษย์เก่าเมืองพัทยา 8 และ ทีมงาน พัทยาร่วมใจ
มี ร.ต.อ.สุริยา กล้าหาญ ,พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง และ กำนันธนัท ประทุมแดง ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอ.บางละมุง ร่วมสนับสนุนหลัก และ ร.ต.อ.วัชรพล พิมพ์จันทร์ เป็นผู้จัด พร้อมผู้สนับสนุนอีกมากมาย รวมทั้ง ค่ายมวยแรมบ้า

ด้าน “ครูแรมบ้า” เจ้าของค่ายมวยไทย “บ้านแรมบ้า” ฝึกสอนทั้งมวยไทยและ”มวยกรง” MMA เลี้ยงดูนักมวยเด็กยากจนในอุปการะหลายคน อยู่ในย่าน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เผยถึง ผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิดว่า หลายเดือนที่ผ่านมาเมื่อไม่มีการแข่งขันชกมวย และชาวต่างชาติมาฝึกมวยไม่ได้ จึงทำให้ตนยากลำบากพอสมควร เพราะยังมีภาระต้องดูแลเด็กเล็กๆอีกหลายคน ผมจึงต้องหาทางออกด้วยการ ซื้อรถฟู้ดทรัค ซูซูกิ เพื่อตระเวณขายน้ำผลไม้ปั่นตามงานวัดทั่วไป รวมทั้งได้ผู้ปกครองนักมวยเด็กๆที่มาฝึกสอน และผู้ใหญ่ใจดี ช่วยกันเรี่ยไรเป็นเงินรางวัล จัดการแข่งขันชกมวยการกุศล เพื่อให้เยาวชนได้มีรายได้”

ครูแรมบ้า ผู้อุทิศตัวเผยแพร่มวยไทยให้แก่เยาวชน จนเป็นที่รู้จักไปในต่างแดนทั้งในยุโรปและอเมริกา กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมเป็นชาวหนองปรือ เมืองพัทยา อยากให้ใครๆรู้ว่า พวกเรามีค่ายมวยไทยมากมายที่นี่ และยังคงสืบสานต้องการอนุรักษ์มวยไทยตลอดไป ให้สมกับคำขวัญเทศบาลเมืองหนองปรือที่ว่า หลวงพ่อโตคู่บ้าน หลวงพ่อช้างคู่เมือง ลือเลื่องพระเจ้าตาก หลากหลายวัฒนธรรม งานล้ำบุญกองข้าว เรือยาวมาบชัน แข่งขันวิ่งควาย และ อนุรักษ์ศิลปะมวยไทย”

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“โค้ชตึก” ชี้นักว่ายน้ำมาราธอนมาแรง มีลุ้นร่วมทีมชาติ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // “โค้ชตึก”ชี้ว่ายน้ำมาราธอนชิงเเชมป์ประเทศไทย สนาม2 พัฒนาการนักกีฬาดีเกินคาด พร้อมวางเเผนระยะยาวให้กับนักว่ายน้ำมาราธอนดาวรุ่ง เพื่อเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติในอนาคต
นายธนาวิชญ์  โถสกุล ”โค้ชตึก” เลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการจัดเเข่งขันว่ายน้ำมาราธอนชิงชนะเลิศเเห่งประเทศไทย ประจำปี2563 สนาม2 ที่พัฒนาสปอร์ตรีสอร์ท อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่จบไปเมื่อวันที่31 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้รับความสนใจจากบรรดานักว่ายน้ำมาราธอน เข้าแข่งขันจำนวน 420 คน จากทั้งหมด5ระยะ คือ 1กิโลเมตร ,2กิโลเมตร,เเละ3กิโลเมตร รวมถึงระยะไกลคือ5เเละ10กิโลเมตร
สิ่งสำคัญคือได้เห็นพัฒนาการของนักกีฬาชายหญิงทั้ง4รุ่น ทำเวลาได้ดีขึ้น ไล่ตั้งเเต่รุ่น10-11ปี ,12-13ปี,14-15ปี เเละรุ่นทั่วไป ที่ไฮไลท์เป็นการขับเคี่ยวของผู้เล่นดีกรีทีมชาติ อย่างธนกฤต กิตติยะ เหรียญทองเเดงซีเกมส์2019 เเละสืบสกุล คำตั๋น ซึ่งสนามนี้เป็นสืบสกุล ในวัย21ปีสามารถเอาชนะรุ่นพี่ธนกฤษ เเชมป์สนามเเรก ระยะ10กิโลเมตรไปได้ โดยทั้งคู่จะได้ดวลกันอีกครั้งในสนามสุดท้าย ช่วงเดือนธันวาคม

“สืบสกุลเป็นนักว่ายน้ำระยะไกล จากเชียงใหม่ที่ฟอร์มเเรงขึ้นมา ถือเป็นเรื่องดีของสมาคมกีฬาว่ายน้ำ ในการเฟ้นหานักกีฬาฝีมือดีส่งเเข่งขันระดับนานาชาติปีหน้า ที่มีทัวร์นาเม้นต์สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเอเชี่ยนบีช ที่ จีน เดือนมีนาคม เเละซีเกมส์ ที่ เวียดนามปลายปี ในระดับเยาวชนยอมรับว่า ต้นน้ำ กันตีมูล นักว่ายน้ำดาวรุ่งทีมชาติไทย วัย15ปี ที่คว้าเเชมป์ในระยะ5กิโลเมตร ของสนามนี้ คือนักกีฬาพรสวรรค์ ที่มีดีทั้งในประเภทสระเเละมาราธอน สมาคมฯจะให้คำปรึกษาวางเเผนการฝึกซ้อมเเละเเข่งขันให้กับนักกีฬารายนี้ ถึงอนาคตว่าเหมาะสมกับ การเเข่งขันประเภทใดมากที่สุด”
ทั้งนี้การเเข่งขันว่ายน้ำมาราธอน ชิงชนะเลิศเเห่งประเทศไทย สนามที่3 ที่ อ่าวดงตาล ฐานทัพเรือสัตหีบ จากเดิมเเข่งขันในวันที่ 19 ธันวาคม ขยับเเข่งขันเร็ว เป็นวันที่ 13 ธันวาคม เนื่องจากมีปัญหาเรื่องของสถานที่ ผู้สนใจสมัครเเข่งขัน ติดตามรายละเอียดจากเพจของสมาคมกีฬาว่ายน้ำเเห่งประเทศไทย

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์