วันศุกร์, พฤศจิกายน 15, 2024

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 2071

“บิ๊กฮง”ลั่นอัดฉีด 1 ล้าน “เอฟ-หมู”คว้าแชมป์สอยคิวโลก

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// “บิ๊กฮง”สุนทร จารุมนต์ นายกสอยคิวไทย เชื่อมั่น เอฟ นครนายก กับ หมู ปากน้ำ จะล้มจอมคิวชั้นแนวหน้าของโลกได้แน่นอน พร้อมประกาศอัดฉีด ถ้าคว้าแชมป์โลก ควักกระเป๋าส่วนตัว มอบให้ 1 ล้าน บาท แต่ถ้า
ชนะ เอฟ ชนะรอนนี่ โอซัลลิแวน หรือ หมู ทิ่ม ฌอน เมอร์ฟี่ย์ ลงได้ รับอัดฉีดไป 1 แสนบาททันที แถมชี้แนะ ให้จอมคิวไทยทั้ง 2 คน มาถึงรอบสุดท้าย ในศึกสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก ได้ถือว่า ประสบความสำเร็จกันแล้ว ที่เหลือคือกำไร
แทงให้สนุก คนที่จะกดดันคือคู่แข่งขันของเรา ส่วนจอมคิวไทย แพ้ หรือชนะ คุณคือฮีโร่ของชาวไทยทุกคน

“บิ๊กฮง”สุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวก่อนการแข่งขันสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก รอบ 32 คนสุดท้าย ที่ครูซิเบิลเธียร์เตอร์ จะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 31 ก
.ค.-16 ส.ค.63 โดย นายกสอยคิวไทย กล่าว่า ปีนี้ถือว่าเป็นอีก 1 ปี ที่ นักสนุกเกอร์ไทย สามารถผ่านเข้าสู่นรอบสุดท้ายได้ มาอย่างต่อเนื่อง 4 ปีติดต่อกัน ซึ่งปีนี้ มีถึง 2 คน คือ “เอฟวัน”เทพไชยา อุ่นหนู นักสนุ้กมือ 20 ของโลก
และ”หมู ปากน้ำ”นพพล แสงคำ จอมคิวมือ 42 ของโลก ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ในรอบ 25 ปี หลังจากที่ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย กับ ต่าย พิจิตร เคยผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายใน ปี 2538 ซึ่งในปีนั้น ตน มีโอกาสได้ไปชมการแข่งขันที่ครูซิเบิลเธียร์
เตอร์ด้วย โดยผลงานของ ต๋อง และ ต่าย ไม่สามารถผ่านรอบ 32 คนสุดท้ายได้
“แต่ปีนี้ ผมมองว่า เอฟ นครนายก กับ หมู ปากน้ำ มีโอกาสผ่านรอบแรกไปได้ เพราะนักสนุ้กไทยทั้ง 2 คน ฝีมือพัฒนาไปมาก ซึ่ง คู่ระหว่าง เอฟ กับ รอนนี่ โอซัลลิแวน ถึงแม้ นักสนุกเกอร์ชาวอังกฤษจะเป็นเต็ง 2 แต่

ช่วงนี้ผลงาน รอนนี่ ไม่เก่งเหมือนเดิม แถมก่อนการแข่งขันชิงแชมป์โลก จะเริ่มขึ้น รอนนี่ เคยบอกว่าถ้าเปิดให้การแข่งขันมีผู้ชม เขาจะไม่แข่งขัน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมลงแข่ง ซึ่งถ้าวันแข่งขัน สกอร์ออกสูสีกัน ไม่แน่ รอนนี่ อาจจะ
หงุดหงิดผู้ชมแล้วงส่งผลดีต่อนักกีฬาไทยก็เป็นได้ โดยผมมองว่า เอฟ มีโอกาสชนะมากพอสมควร ส่วน หมู ปากน้ำ เจอ ฌอน เมอร์ฟี่ยร์ ซึ่งคู่นี้ ผมมองว่า ช่วง 2 ปีนี้ เมอร์ฟี่ย์ ฝีมือตกลงไปพอสมควร ขณะที่ หมู ผลงานดีขึ้นตามลำดับ
จึงเชื่อว่า หมู มีโอกาสเบียดชนะได้เหมือนกัน” สุนทร กล่าว
“บิ๊กฮง”นายกสอยคิยไทย ยังกล่าวอีกว่า เพื่อเป็นกำลังใจให้นักสนุกเกอร์ไทยทั้ง 2 คน ตนจึงจะขออัดฉีดเงืนส่วนตัวเอง ให้ เอฟ หรือ หมู ถ้าคนใดคนหนึ่งคว้าแชมป์โลก จะให้ 1 ล้านบาท และถ้า เอฟ เอาชนะ รอนนี่
ได้ จะให้ 1 แสนบาท เช่นเดียวกับ หมู ปากน้ำ ถ้าเอาชนะ เมอร์ฟี่ย์ ได้ เอาไป 1 แสนบาท โดยจะอัดฉีดทุกรอบที่นักสนุ้กไทยผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ และอยากฝากถึง เอฟและหมู ขอให้แข่งขันให้สนุก การมาถึงรอบสุดท้ายได้ถือว่า
ประสบความสำเร็จแล้ว เราเจอใครก็หนักทั้งนั้น ให้คิดเสียว่าสิ่งที่ได้ต่อไปคือโบนัสทั้งสิ้น ความกดดันควรจะตกอยู่กับนักสนุ้กมือท็อป 16 ของโลก ไม่ใช่เรา จึงอยากบอกว่าทำให้เต็มที่ แฟนสนุ้กชาวไทยทุกคนส่งแรงใจเชียร์ ไม่ว่าจะแพ้
หรือชนะ คุณคือฮีโร่ของชาวไทย
ด้าน “เอฟวัน” จอมคิวมือ 20 ของโลก พอทราบการอัดฉีดของนายกสนุ้กไทยฯ จึงกล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ นายกฯสนุนทร ที่ประกาศอัดฉีดให้ตน ซึ่งการแข่งขันในรอบ 32 คน สุดท้าย เจอกับ รอนนี่ โอซัลลิแวน ถือ
เป็นงานที่หนักพอสมควร ทำให้ตอนนี้ตนฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่ไม่รู้สึกกดดันอะไร การแทงสไตล์เดียวกับตน จึงขึ้นอยู่กับโอกาสใครทำได้ดีกว่ากัน รับประกันวันแข่งขัน 2-3 ส.ค. แฟนสนุกชาวไทยจะได้ดูเกมที่สนุกเร้าใจอย่างแน่อน ส่วน
หมู ปากน้ำ เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณนายกสมาคมฯที่มอบกำลังใจให้ ตน และพี่เอฟ จากนี้ไป ตนจะทำให้เต็มที่ ผลจะออกมาอย่างไร ตนทำสุดความสามารถแล้ว

 Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

 

DITP เตรียมจัดโครงการ L.O.V.E มิติใหม่แห่งการเจรจาการค้าสินค้าไลฟ์สไตล์/แฟชั่นรูปแบบออนไลน์

0

พิมพ์ไทยออนไลน// ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)ได้ จัดประชุมออนไลน์เพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกไทยที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ จับคู่เจรจาการค้าสินค้า ไลฟ์สไตล์และแฟชั่นผ่านช่องทางออนไลน์ (STYLE Bangkok Telematching in Lifestyle Online Virtual Exhibition :โครงการ L.O.V.E.) ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 11-14 สิงหาคมนี้

L.O.V.E. เป็นโครงการจับคู่เจรจาการค้าระหว่างผู้ซื้อผู้นำเข้าทั่วโลกกับผู้ผลิตและส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นของไทย เพื่อส่งเสริมและกระตุ้น ให้เกิดการเจรจาการค้าในช่วงที่การผลิต และส่งออก ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยผู้ซื้อ/ผู้นำเข้า (Buyers/Importers) สามารถชมงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok เสมือนจริง (Virtual Exhibition) และเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้า (Business Matching) ผ่านเว็บไซต์ www.stayinstylebangkok.com ซึ่งนับเป็นมิติใหม่ของงานแสดงสินค้าและการทำการค้าระหว่างประเทศ

การจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้า (Business Matching) ในครั้งนี้ ได้แบ่งกลุ่มผู้ซื้อสินค้าออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ Host & Home เน้นเจาะกลุ่มผู้ซื้อกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร สถาบัน สถาปนิก อินทีเรีย อสังหาริมทรัพย์ และโปรเจกต์ต่างๆ Gifts for All เน้นเจาะกลุ่มผู้ซื้อกลุ่มห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกประเภทคอนเซ็ป สโตร์ ซีเล็คเต็ดช็อป Fashion in Love เน้นเจาะกลุ่มผู้ซื้อสินค้าสิ่งทอ แฟชั่น เครื่องหนัง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้ากีฬา ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ รวมถึงสินค้าที่ตอบโจทย์ชีวิตปกติรูปแบบใหม่ (New Normal) และ The Niche เน้นเจาะกลุ่มผู้ซื้อตลาดเฉพาะที่มีขนาดเล็กแต่มีกำลังซื้อสูง และไทยมีศักยภาพ ประกอบด้วยสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง (PET) สินค้าผู้สูงอายุ (60+) และสินค้าแม่และเด็ก

ทั้งนี้ ผู้ซื้อและผู้นำเข้า (Buyers/ Importers) จะส่ง Matching Request มายังผู้ส่งออกไทย โดยสามารถเข้าร่วมเจรจาการค้าออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา หรือสามารถใช้สถานที่ สำหรับการเจรจาการค้า ออนไลน์ได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถนนรัชดาภิเษก ซึ่ง DITP ได้จัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงล่าม ไว้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ

สำหรับผู้นำเข้าที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ (Matching Request) และเลือกผู้นำเข้าไทยที่ต้องการเจรจาการค้าด้วย (E-Directory) ผ่านทางwww.stylebusinessmatching.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั้ง 58 แห่งทั่วโลก (DITP’s Overseas Office, Thai Trade Center):Cr;มณสิการ รามจันทร์

วธ. จัดประกวดสื่อสร้างสรรค์“ทำดี…ไม่ต้องเดี๋ยว”ส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงวัฒนธรรม จัดประกวดสื่อสร้างสรรค์ส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม “ทำดี…ไม่ต้องเดี๋ยว”
สนับสนุนเด็ก เยาวชน และประชาชน นำสื่อปลูกฝังค่านิยม-วัฒนธรรมไทยที่ดีงาม
ส่งผลงานเข้าประกวดชิงเงินรางวัล โล่เกียรติยศ ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 ส.ค. 63 โดยเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ที่บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานแถลงข่าวการประกวดสื่อสร้างสรรค์ส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม ภายใต้หัวข้อ “ทำดี…ไม่ต้องเดี๋ยว” โดยมี รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม ดารา นักแสดง ประชาชนจิตอาสา และสื่อมวลชน เข้าร่วม
นายปรเมศวร์ กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม บูรณาการร่วมกับศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และภาคีเครือข่ายด้านวัฒนธรรม จัดกิจกรรมการประกวดสื่อสร้างสรรค์ส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรม ภายใต้หัวข้อ “ทำดี…ไม่ต้องเดี๋ยว” โดยมีวัตถุประสงค์
เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกระทรวงวัฒนธรรม ระยะ 20 ปี ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ประเด็นการปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม ด้วยการใช้สื่อและสื่อสารมวลชน
ในการปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมของคน รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชน มีส่วนร่วมในการผลิตสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ รวมถึงกระตุ้นเตือนและสร้างกระแสทำความดีให้แพร่หลาย
อันจะส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ค่านิยม และวัฒนธรรมไทยอันดีงาม
นายปรเมศวร์ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมการประกวดสื่อสร้างสรรค์ส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรม ภายใต้หัวข้อ “ทำดี…ไม่ต้องเดี๋ยว” มีกิจกรรมประกอบด้วย การประกวดคลิปวิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำความดีที่ทุกคนทำได้ ทำทันที “ทำดี…ไม่ต้องเดี๋ยว” ความยาวไม่เกิน 1 นาที โดยเปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน และประชาชนที่สนใจสามารถส่งผลงานเข้าประกวด โดยในส่วนกลาง กรุงเทพมหานคร สามารถส่งผลงานได้ที่ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และส่วนภูมิภาคสามารถส่งผลงานได้ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งผู้ที่ชนะเลิศการประกวดในระดับจังหวัด และกรุงเทพมหานคร จะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท 3,000 บาท และ 2,000 บาท ตามลำดับ หลังจากนั้นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะดำเนินการคัดเลือกคลิปที่ชนะเลิศการประกวดในระดับจังหวัด และกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าประกวดรอบชิงชนะเลิศในระดับประเทศ ชิงโล่เชิดชูเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถส่งคลิปเข้าประกวดได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สายด่วนวัฒนธรรม โทร. 1765 หรือเว็บไซต์ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) www.moralcenter.or.th :Cr;มณสิการ รามจันทร์

เสี่ยโต้ง เดินหน้าศึกษาแก้ พรบ.มวย สัปดาห์นัดประชุม

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// ที่ อาคารัฐสภา เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา นายบุญลือ ประเสริฐโสภา คณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฏร อาศัยอำนาจตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฏร์ เมื่อ 24 มิ.ย.63 มีมติแต่งตั้ง อนุกรรมาธิการ ศึกษาพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 เพื่อพิจารณาและศึกษาปัญหา อุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นจาก พรบ.มวย 2542 รวมถึงศึกษาแนวทางส่งเสริม สนับสนุน และอนุรักษ์ เพื่อเผยแพร่กีฬามวย ตลอดจนคุ้มครองความปลอดภัยและสวัสดิภาพของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกีฬามวยให้ดีขึ้น จึงมีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ และแต่งตั้ง คณะอนุกรรมาธิการขึ้น
ล่าสุดแต่งตั้งอนุกรรมาธิการ ดังนี้
“เสี่ยโต้ง” นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ เป็นประธานอนุกรรมาธิการ และคณะดังนี้ นายเอกการ ชื่อทรงธรรม,ร.ต.ประทาน วรมานิน,นายประเสริฐ หอธรรมรัตน์,นายรังสฤษฏ์ อินทรโม,นายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส,นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล,นายสามารถ มะลูลีม,นายสุทธินันท์ ฤทธิบริรักษ์,นายสุรพล ทิพย์เสนา

ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้า วันศุกร์ที่ 7 ส.ค.63 เวลา 10.00 น. ที่ อาคารรัฐสภา จะมีการประชุมคณะอนุกรรมาธิการ พร้อมเชิญ วิบูลย์ จำปาเงิน ผอ.สำนักคณะกรรมการกีฬามวย รวมทั้ง บุคคลในวงการมวย โดยเฉพาะนายสนามมวย ,โปรโมเตอร์ ,หัวหน้าคณะ และ ตัวแทนนักมวย เพื่อหารือและศึกษาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนนำข้อมูลมาแก้ไข ปรับปรุง พรบ.มวย ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
นายประเสริฐ หอธรรมรัตน์ หนึ่งในคณะอนุกรรมาธิการ เผยว่า “เดิมที พรบ.มวย มีความพยายามจะแก้ไขมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง และที่ผ่านมารัฐบาลพยายามจะผลักดัน แต่สุดท้ายตกไป เพราะการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล การออก พรบ.มวยที่ผ่านมา แม้จะพยายามอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถใช้ควบคุมคุ้มครองบุคคลในวงการมวยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะตลอดช่วงสิบปีหลังที่ผ่านมา มวย นั้นกลายเป็นกีฬาที่นิยมแพร่หลายไปไกลในต่างประเทศ อีกทั้งในประเทศเองก็มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงธุรกิจขึ้นมาก จน พรบ.มวยนั้นล้าสมัยไปแล้ว จนถึงกับมีการร้องเรียนของคนวงการมวยที่ว่า นอกจาก พรบ.มวย จะไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว ยังเป็นตัวถ่วงด้วยซ้ำไป”
นายประเสริฐ สื่ออาวุโสซึ่งเป็นประธานชมรมสื่อสร้างสรรค์กีฬามวย กล่าวอีกว่า “ปัจจุบัน พรบ.มวย เมื่อออกมาใช้ ก็กลายเป็นเครื่องมือของผู้บริหารระดับสูงไป บางส่วนนำไปใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์ ทั้งที่เงินช่วยเหลืออย่างแท้จริงนั้น กลับไม่ถึงมือของคนวงการมวยด้วยซ้ำไป และเนื่องจาก มวยกลายเป็นธุรกิจเติบโตในต่างประเทศแพร่หลาย ทั้งในยุโรป อเมริกา จีน และ ญี่ปุ่น แต่การจำกัดความคำว่า มวยไทย กลับผิดเพี้ยนและถูกนำไปดัดแปลงจนชาวต่างชาติและเยาวชนไทย สับสนและไม่เข้าใจว่า อะไรคือมวยไทยที่แท้จริง การที่เสี่ยโต้ง (นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ) ได้รับแต่งตั้งเข้ามาเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการพร้อมผู้ทรงคุณวุฒิ ถือเป็นนิมิตรหมายอันดี ที่จะได้ศึกษาข้อเท็จจริงและนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหา ก่อให้เกิดคุณประโยชน์ต่อวงการมวยได้อย่างดี”

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

 

 

ส.นักข่าวช่างภาพกีฬาฯจัดคาราวานคนกีฬาจังหวัด ที่ 9 มอบลานกีฬามาตรฐานให้โรงเรียนบ้านห้วยแก้วจ.พะเยา

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// “ไพฑูร ชุติมากรกุล” นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯ พร้อมคณะกรรมการ และมูลนิธิ เอกชัย นพจินดา “ย.โย่ง” จัด “คาราวานคนกีฬา 2563” จังหวัดที่9 มอบลานกีฬาเอนกประสงค์และอุปกรณ์กีฬาให้แก่ โรงเรียนบ้านห้วยแก้ว อ.ภูกามยาว จ.พะเยา ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น “นายกไพฑูร” รับปากในอนาคตจะมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมในจ.พะเยาอีก
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฏาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย  พร้อมด้วยผู้แทน มูลนิธิเอกชัย นพจินดา (ย. โย่ง) ได้เดินทางไปจังหวัดพะเยาในกิจกรรม “คาราวานคนกีฬา” ประจำปี 2563 เพื่อส่งมอบลานกีฬาเอนกประสงค์และอุปกรณ์กีฬาให้กับ โรงเรียนบ้านห้วยแก้ว  ที่ตั้งอยู่ใน อ.ภูกามยาว จ.พะเยา โดยมีนายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย  พร้อมด้วย คุณจรูญ วานิชชา  ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯ นายปราชญ์ ไชยคำ  ผู้แทน มูลนิธิเอกชัย นพจินดา (ย. โย่ง)  เดินทางไปมอบ
ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ ทาง อ.ภูกามยาว ได้จัดขบวนรถโบราณ นำโดย”เสี่ยโหน่ง” นายอนันตศักดิ์ ศรีสมัย  รวม 15 คัน มารับคณะกรรมการสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาจาก อ.เมืองไปยังโรงเรียนบ้านห้วยแก้ว   อ.ภูกามยาว

ขณะที่ในส่วนของ อ.ภูกาวยาว นั้นมีนาย กิตติไกร ฝีปากเพราะ นายอำเภอภูเกมยาว มารอต้อนรับพร้อมด้วย นายทศพร จันทร์เนตร รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ,นางสาวอำไร พรมมี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยแก้ว รวมทั้ง พบตำรวจตรี ธรรมศักดิ์ ปิ่นทอง  ผู้บังคับการตำรวจภูธรพะเยา ในฐานะนายกสมาคมกีฬา จ.พะเยา และข้าราชการ พร้อมประชาชนชาวภูกาวยาว นักเรียนและคณะอาตารย์ จากโรงเรียนต่างๆในอำเภอภูกามยาวอีก 9 โรงเรียน มารอต้อนรับ
สำหรับการส่งมอบลานกีฬา เอนกประสงค์และอุปกรณ์กีฬาให้กับ โรงเรียนบ้านห้วยแก้ว   ประกอบด้วย
สนามฟุตซอล จำนวน 1 สนาม และ สนามเปตอง จำนวน 2 สนาม  รวมทั้งอุปกรณ์กีฬาจากแกรนพ์สปอร์ต,มูลนิธิเอกชัย นพจินดา (ย. โย่ง)  และจากน้ำดื่มตราช้าง นอกจากมอบลานกีฬาให้กับโรงเรียนบ้านห้วยแก้วแล้ว นี้ยังมีการมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนใกล้เคียงอีก 9 โรงเรียนด้วย
นางสาวอำไพ พรมมี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยแก้ว  เปิดเผยว่า ต้องขอเป็นตัวแทนชาว อ.ภูกามยาว ขอบคุณสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬา ฯ และมูลนิธิ เอกชัย นพจินดารวมถึงคุณสมฤกษ์ อิศรางกูร  ณ อยุธยา คณะกรรมการสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬา ที่เป็น ชาว อ.ภูกามยาว เป็นผู้ประสานงานให้ อย่างสูง ที่เล็งเห็นคุณค่า ให้การเติมเต็มให้กับเด็กนักเรียน และเยาวชน รวมทั้งประชาชนในอ.ภูกามยาว ด้วยการมอบลานกีฬาเอนกประสงค์ให้ ซึ่งโรงเรียนบ้านห้วยแก้วแห่งนี้ ถือว่าเป็นศูนย์กลางของที่นี่ การที่มีลานกีฬาเอนกประสงค์  รวมทั้งอุปกรณ์กีฬาที่ได้มาตรฐานครั้งนี้ ก็จะช่วยให้นักเรียนและเยาวชนทั่วไป ได้เล่นกีฬาในสนาม ที่มาตรฐาน รวมทั้งในอนาคตอันใกล้ ทางโรงเรียนบ้านห้วยแก้วก็จะผลักดันให้ลานกีฬาเอนกประสงค์แห่งนี้ เป็นศูนย์กลางการจัดแข่งขันฟุตซอลระดับตำบล ระดับอำเภอ รวมไปถึงระดับภาคต่อไปด้วย  ซึ่งเชื่อว่าสนามแห่งนี้จะช่วยเติมเต็มให้กับเยาวชนที่รักการเล่นกีฬามากๆ ต้องขอขอบคุณสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯ แทนนักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยแก้ว และโรงเรียนใกล้เคียงที่จะได้ใช้สนามแห่งนี้ รวมทั้งขอบคุณแทนชาว อ.ภูกามยาวทุกคนด้วย

ทางด้าน นายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬา เปิดเผยว่า สำหรับลานกีฬาเอนกประสงค์ที่โรงเรียน บ้านห้วยแก้ว อ.ภูกามยาว จ.พะเยาแห่งนี้ ถือเป็นจังหวัดที่ 9  แล้ว ที่สมาคมฯจัดกิจกรรม“คาราวานคนกีฬา” มามอบให้ โดยสมาคมฯเริ่มทำกิจกรรมนี้ปีแรก เมื่อปี 2555 ที่อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี จากนั้นก็จ.อ่างทอง, สิงห์บุรี, นครสวรรค์, นครนายก,ร้อยเอ็ด, ขอนแแก่น, ตาก และล่าสุดเก็ที่ภูกามยาว จ.พะเยาแห่งนี้  ซึ่งบางจังหวัดก็มี 2-3 แห่งบ้างแล้วแต่ความเหมาะสม
สำหรับกิจกรรม“คาราวานคนกีฬา” ในครั้งต่อๆไปนั้น ทางสมาคมฯ ก็มีตัวเลือกไว้หลายที่ซึ่งทำหนังสือขอมา แต่รับรองว่าสมาคมฯจะจัดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการมอบลานกีฬา, มอบอุปกรณ์การแข่งขัน , เสื้อผ้ากีฬา โดยที่ผ่านมา สมาคมฯก็เน้นคุณภาพของการสร้างลานกีฬาเป็นพิเศษมาทุกจังหวัด เพื่อความทนทาน การใช้งานได้นาน รวมทั้งสมาคมฯก็มีการติดตามผลงานของนักกีฬาจากโรงเรียนต่างๆที่ทางสมาคมฯนำไปมอบให้ รวมทั้งคอยให้การแนะนำการใช้สนาม,การจัดแข่งขัน ช่องทางการเล่นกีฬาของนักเรียนจากโรงเรียนเหล่านั้นด้วย
“สุดท้ายนี้ คณะกรรมการสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬา และ มูลนิธิ เอกชัย นพจินดา ต้องขอขอบคุณ ชาวอ.ภูกามยาว  นำโดยนายกรกฏ ประเสริฐสงฆ์ นายอำเภอเมืองพะเยา คุณจุฬาสินี โรจนคุณกำจร นายกเทศมนตรีพะเยา ,พล.ต.ต.ธรรมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา ,คุณอำไพ พรมมี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยแก้ว รวมทั้งคณะครูอาจารย์ และส่วนราชการ ชาวบ้านอ.ภูกามยาว ที่ให้การต้อนรับคณะสมาคมนักข่าวช่าวภาพกีฬาฯอย่างอบอุ่นและประทับใจมากๆกันทุกคน ด้วยการพาไปดูสถานที่สำคัญๆ สถานที่ท่องเที่ยวของ อ.ภูกามยาว และ จ.พะเยาแบบเป็นกันเอง    โอกาสหน้าสมาคมฯนักข่าวช่างภาพกีฬาคงได้มาร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมในจังหวัดพะเยาอีก” นายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯ กล่าวในตอนท้าย
ภายหลังการรับมอบลานกีฬาอเนกประสงค์ และอุปกรณ์กีฬา ได้มีการแข่งขันฟุตซอลคู่เปิดสนามรุ่นอายุ 15 ปี ระหว่างโรงเรียนพะเยาวิทยาคม กับ โรงเรียนแม่ใจวิทยาคม รวมทั้งการแข่งขันฟุตซอลกระชับมิตร ระหว่าง ทีมวีไอพีพะเยา นำโดย พล.ต.ต.ธรรมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา, นายกรกฏ ประเสริฐสงฆ์ นายอำเภอเมืองพะเยา, พ.ต.อ.บวร ไชยคำ ผกก.สภ.เมืองพะเยา, พ.ต.อ.ทิวา สกุลวัฒนะ ผกก.สภ.ภูกามยาว และ ประเสริฐ ช้างมูล อดีตนักเตะทีมชาติไทย พบกับ ทีมไทยเพรส นำโดย นายศิริ สาระผล (ช่อง 7) และ นายวรวุฒิ พงษ์ธีระพล (ช่อง 5) อุปนายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย และฟุตซอลคู่เปิดสนามรุ่นอายุ 15 ปี ระหว่างโรงเรียนพะเยาวิทยาคม กับ โรงเรียนแม่ใวิทยาตม                                                            

 Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์ และเครือข่าย13 องค์กรต่อต้านการค้ามนษย์ พบอัยการทวงถามความคืบหน้า คดีอาบอบนวดวิคตอเรีย

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // นายรณสิทธิ์ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์ น.ส.ชลีรัตน์ เครืิอข่าย 13 องค์กรต่อต้านการค้มนุษย์ พบอัยการทวงถามความคืบหน้าสั่งไม่ฟ้องนางนิภา กลับบุตรชาย คดีอาบอบนวดวิคตอเรียซีเวันที่ 31 ก.ค.63 เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์ และ น.ส.ชลีรัตน์ ทิมบุตร ผู้ประสานงานเครือข่าย 13 องค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ เดินทางมายื่นหนังสือทวงถามผลการสอบสวนกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ภรรยาและลูกชายของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ สองผู้ต้องหาคดีอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท ที่สำนักนายกรัฐมนตรีส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของอัยการ โดยมีนายเนตร นาคสุข เป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบ พร้อมยื่นทวงถามความคืบหน้าการดำเนินคดีของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ซึ่งหลบหนีคดีผ่านมากว่า 2 ปี ขอให้ติดตามตัวกลับมาดำเนินคดี โดยนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รับเรื่องเพื่อดำเนินการต่อไป

น.ส.ชลีรัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไปยื่นหนังสือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ภรรยาและลูกชายของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์  สองผู้ต้องหาคดีวิคตอเรียซีเครท ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ก.พ.2563 คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงของอัยการ ได้ให้ผู้แทนเครือข่ายปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ไปให้ถ้อยคำ ในวันนี้องค์กรเครือข่ายปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ 13 องค์กร จึงมาสอบถามความคืบหน้า ทราบว่าประธานคณะทำงานตรวจสอบคือ นายเนตร นาคสุข อธิบดีสำนักงานอัยการศาลสูง จึงขอทราบผลการสอบสวนดังกล่าว เพราะเรากังวลใจในหลายคดีที่ปรากฏเป็นข่าวว่าอัยการสั่งไม่ฟ้อง เช่นคดี บอส-วรยุทธ ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต

ด้าน นายรณสิทธิ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งสองรายคือ นางนิภาและนายธนพล ทางอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดไปแล้ว ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของสถานบริการวิคตอเรียซีเครท หลุดพ้นจากคดีแล้ว เหมือนคดีบอส-วรยุทธ อยู่วิทยา ที่สั่งไม่ฟ้อง ทั้งที่ผู้ต้องหาเหล่านี้ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่สั่งไม่ฟ้องไปเสียก่อน เป็นผู้บริสุทธิ์ ทำไมถึงสั่งไม่ฟ้อง เราต้องการแค่เหตุผลให้ท่านมาอธิบาย ถ้ามีพยานหลักฐานที่ชัดเจนรับฟังได้ โปรดนำพยานหลักฐานเหล่านั้นมาให้เราและประชาชนคนไทยได้เห็น ที่ผ่านมาเราได้ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ได้มีการตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นมาตรวจสอบ ได้ทราบภายหลังว่าหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจของอัยการในการสั่งไม่ฟ้องทั้งสองคือ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ส่วนตัวตนไม่ไว้ใจที่ท่านเข้ามาเป็นหัวหน้าตรวจสอบ เราจึงยื่นหนังสือเพื่อขอผลการตรวจสอบที่ชัดเจน น่าจะออกแล้ว แต่ทางเรายังไม่ได้รับ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายกำพลที่ยังหลบหนีอยู่ คดีถึงไหนอย่างไร นายรณสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนรู้และคนไทยรู้คือถูกออกหมายจับ อยู่ในขั้นตอนหลบหนี ยังไม่นำตัวผู้ต้องหานี้มาขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล แต่เรากลัวว่าวันหนึ่งอัยการจะสั่งไม่ฟ้อง เราจึงมายื่นขอติดตามผลการดำเนินคดีของนายกำพลด้วยว่าไปถึงไหนแล้ว พยายามจะนำตัวเข้ามาดำเนินคดีหรือไม่

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ทางมูลนิธิได้ระบุมีการยุติการสอบสวน คำว่ายุติการสอบสวนกับการสั่งไม่ฟ้องแตกต่างกันอย่างไร นายรณสิทธิ์ กล่าวว่า คำว่าการยุติการสอบสวน คือยุติข้อสงสัยที่ได้สั่งให้สอบสวน เป็นคนละส่วนกับการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา แต่การสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่มีความผิดจริง บุคคลที่ยุติการสอบสวนหรือสั่งไม่ฟ้องจะต้องออกมาตอบคำถามให้ได้ว่ายุติหรือสั่งไม่ฟ้องเพราะเหตุใด จะต้องมีคนรับผิดชอบ ไม่ใช่สั่งไม่ฟ้องใครก็ได้แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดง่ายๆ มันมีขบวนการฟอกคน ทำให้คนไม่ดีเป็นคนดี ทำให้ผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาหลายคดีแล้ว ขบวนการฟอกคนมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาอยู่ในขบวนการในการช่วยฟอกให้บุคคลพ้นผิด เราจะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับคดีวิคตอเรียซีเครทอีกเป็นอันขาด

เมื่อถามว่าอัยการที่สั่งไม่ฟ้องคดีนี้กับหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบเป็นนายเนตรคนเดียวกันหรือไม่ นายรณสิทธิ์ ระบุว่า เป็นคนละคน

และถามถึงความไม่ไว้ใจนายเนตรด้วยเหตุใด นายรณสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างที่คนไทยทราบ ส่วนตัวได้รับข่าวสารในการสั่งไม่ฟ้องคดีผู้ต้องหาขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ซึ่งข้อเท็จจริงกับการสั่งไม่ฟ้องมันมีความขัดแย้งกันอยู่ในตัว ท่านสั่งไม่ฟ้องท่านควรออกมาแถลงต่อประชาชน สังคมให้เข้าใจเหตุผล ถ้าทำโดยสุจริตต้องแถลงอธิบายต่อประชาชนได้ แต่ปัจจุบันท่านไม่ออกมา พอทราบว่าท่านเป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบ ตนยิ่งมีความไม่ไว้วางใจ

ขณะที่ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยหลังรับเรื่องว่า เมื่อสำนักงานอัยการสูงสุดได้รับเรื่องแล้ว จะลงสารบบรับเรื่องตามระเบียบของราชการ หลังจากนั้นจะเร่งดำเนินการเสนอให้อัยการสูงสุดทันที รวมทั้งเสนอผู้บริหารดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป หากมีความคืบหน้าประการใดจะนำเรียนให้ผู้ร้องและสื่อมวลชนทราบ

Cr. : นายทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“ปรับ ครม.เพื่อประชาชน?”

0

http://www.natethip.com/news.php?id=2709
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

ปตท.สผ.อู้ฟู่ปันผล1.50บ.ต่อหุ้น

0

 

http://www.natethip.com/news.php?id=2708
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

KTC ขานรับ ธปท. ลดดอกเบี้ย บัตรเครดิต-สินเชื่อส่วนบุคคล

0

http://www.natethip.com/news.php?id=2707
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)