http://www.natethip.com/news.php?id=3387
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=3387
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์//รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เตรียมพร้อมมาตรการอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยในการใช้บริการให้แก่ผู้โดยสารช่วงวันหยุดยาว 10 – 13 ธันวาคม 2563
นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี กำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ โดยเลื่อนวันหยุดชดเชยจากวันที่ 7 ธันวาคม 2563 ไปหยุดชดเชยในวันที่ 11 ธันวาคม 2563 เพื่อให้ประชาชนได้หยุดยาว 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 – 13 ธันวาคม 2563 นั้น รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ได้เตรียมพร้อมมาตรการอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัย เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย และความปลอดภัยในการเดินทาง โดยมีแผนดำเนินการ ดังนี้
ด้านการอำนวยความสะดวก มีการประชาสัมพันธ์จุดให้บริการรถรับจ้างสาธารณะ (Taxi) ที่แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีพญาไท และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีมักกะสัน
ด้านการรักษาความปลอดภัยมีการจัดทำประกาศ และแจ้งข้อมูลด้านความปลอดภัยในการโดยสารรถไฟฟ้า รวมทั้งมีมาตรการยกระดับการป้องกันอันตรายด้านการเดินรถ โดยให้สถานีรถไฟฟ้าทุกสถานีมีการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และจัดจุดตรวจสัมภาระผู้โดยสารก่อนเข้าระบบรถไฟฟ้า เพื่อตรวจหาวัตถุต้องห้ามที่ไม่สามารถนำเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้า รวมทั้งประกาศแจ้งเตือนผู้โดยสารเกี่ยวกับการระมัดระวังทรัพย์สิน และกระเป๋าสัมภาระที่ไม่มีเจ้าของในระบบรถไฟฟ้า พร้อมกำชับสถานีต่างๆ ให้ควบคุมติดตามการใช้งานโทรทัศน์วงจรปิด ( CCTV ) และเฝ้าระวังหน้าจอมอนิเตอร์อยู่เสมอ รวมถึงมีการตรวจตราบนขบวนรถไฟฟ้าโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ยังได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ เพื่อขอกำลังเข้าสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานประจำสถานี รวมถึงจัดชุดตรวจผสม และชุดสุนัขตรวจวัตถุระเบิด (K9) ออกตรวจสอบพื้นที่ในระบบรถไฟฟ้า รวมทั้งกำหนดวัตถุต้องห้ามที่ไม่สามารถนำเข้ามาในระบบรถไฟฟ้า ได้แก่ อาวุธ ของมีคม ลูกโป่ง และพลุดอกไม้ไฟทุกชนิด
นอกจากนั้นบริษัทยังเข้มงวดในมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 โดยมีการตั้งจุดคัดกรองอุณหภูมิ และตรวจตราการสวมหน้ากากอนามัยของผู้โดยสารก่อนเข้าใช้บริการอย่างเข้มงวด รวมถึงขอความร่วมมือผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ( Social Distancing ) ในขณะใช้บริการ และงดเว้นการพูดคุยภายในตู้โดยสาร รวมทั้งมีการเพิ่มความถี่ในการดูแลทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคบริเวณสถานี และภายในขบวนรถไฟฟ้าเพื่อสร้างมั่นใจในการใช้บริการให้แก่ผู้โดยสาร
หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ Call Center 1690 หรือ www.srtet.co.th , www.facebook.com/AirportRailLink และ Twitter : Airport Rail Link :Cr;มณสิการ รามจันทร์
https://timeline.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1160730047810054233
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์ // ศาล จำคุกตลอดชีวิต หนุ่มหึงโหดยิงอดีตแฟนสาวดับคาคลินิคในห้างดังย่านอนุสาวรีชัยฯ
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.63 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดี หมายเลขดำ อ.1211/2563 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายดนุสรณ์ หรือ เจ นุ่มเจริญ อายุ 28 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร ซึ่งก่อเหตุยิงอดีตแฟนสาว เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือในที่ชุมนุมชน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ,33,80,288,289,371, 376, ตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอดไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4,7,8 ทวิ ,72,72 ทวิ ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2501 มาตรา 3 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ต.ค.2519 ข้อ 3,6,7 รวม 7 ข้อหา เหตุเกิดที่ คลินิกภายในห้องเซ็นจูรี่ มูฟวี่ พลาซ่า ถ.พญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม.
โดยในชั้นสอบสวนนายดนุสรณ์ ให้การรับสารภาพ ขณะเดียวกันจำเลยไม่ได้รับการประกันตัว ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
อัยการโจทก์ยื่นฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 18 ก.พ. 2563 ตำรวจสน.พญาไท ได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุการณ์ยิงกันที่คลินิกดิไอคอนคลินิกเวชกรรม จึงเดินทางไปตรวจสอบพบน.ส.ปิยานุช ฉัตรไทย ถูกยิงที่บริเวณศีรษะ คอ และลำตัว จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าขณะที่ น.ส.ปิยานุช กำลังนั่งทำงานอยู่ที่เก้าอี้เคาน์เตอร์ของคลินิกดังกล่าว นายดนุสรณ์ จำเลย (อดีตแฟน) ได้เดินเข้าไปบริเวณด้านหน้า พร้อมกับล้วงเอาอาวุธปืนพกสั้นแบบออโตเมติก ยี่ห้อโคลท์ ขนาด .45 มม. ที่ซุกซ่อนอยู่ ออกมาจ่อยิง น.ส.ปิยานุช จำนวน 2-3 นัดจนล้มลง จากนั้นนายดนุสรณ์ได้เดินเข้าไปจ่อยิงซ้ำอีก 4-5 นัด เป็นเหตุให้กระสุนปืน ถูกบริเวณศีรษะ คอ และลำตัวหลายแห่งจนถึงแก่ความตาย และกระสุนปืนยังพลาดไปถูก น.ส.วิลาสินี ที่ปั่น พนักงานคลินิกอีกราย ซึ่งนั่งข้างๆ ผู้ตายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วหลบหนีไปต่างจังหวัด พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นขอศาลอาญาออกหมายจับ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 155 / 2563 ลงวันที่ 18 ก.พ. 2563 กระทั่งตำรวจสืบทราบว่านายดนุสรณ์ ได้หลบหนี ไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 4 ต. ห้วยแม่เพียง อ.แก่งกระจ่าง จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบนายดนุสรณ์ อยู่บริเวณหน้าบ้านจึงทำการจับกุม ซึ่งนายดนุสรณ์ รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ ห้างเซ็นจูรี่ มูฟวี่ พลาซ่า ถ.พญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม.
โดยวันนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัว นายดนุสรณ์ หรือ เจ มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าโจทก์มี น.ส.วิลาสินี ที่ปั่น พนักงานคลินิกดังกล่าว เบิกความเป็นประจักษ์พยานว่า วันเกิดเหตุจำเลยใส่สูทสีดำ พกพาอาวุธปืนเดินเข้ามาที่คลินิกแล้ว ยิงปืน 2 นัด ตนเองตกใจกลัวจึงรีบหมอบลงข้างเคาน์เตอร์ จากนั้นคนร้ายจึงยิงปืนอีก 3-4 นัด ซึ่งตนเองถูกยิงเข้าที่บริเวณข้อมือได้รับบาดเจ็บด้วย จากนั้นคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไป โดยตนเองสามารถจดจำจำเลยได้เพราะผู้ตายเคยเล่าให้ฟังว่าทะเลาะวิวาทกันกับอดีตแฟน
ขณะที่พนักงานคลินิกดังกล่าวอีกราย เบิกความว่า ขณะกำลังเดินออกมาจากห้องยา ของคลินิกได้ยินเสียงปืนและเสียงคนร้องจึงหันไปมองเห็นคนร้ายเดินอ้อมเคาร์เตอร์แล้วยิง น.ส.ปิยานุช ผู้เสียชีวิต เชื่อว่าพยานโจทก์ทั้งสองรายเบิกความไปตามความจริงและต่างเบิกความสอดคล้องกัน นอกจากนี้ยังมีพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ว่า ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต ที่ห้างเซ็นจูรี่ฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบเห็นคนกำลังช่วยกันปั้มหัวใจ น.ส.ปิยานุช ที่ถูกยิง แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา และมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) ได้ตรวจสอบพยานหลักฐานแล้ว พบว่า น.ส.ปิยานุชเสียชีวิตจากกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณลำคอ และยังมีพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งบันทึกวิดีโอเคลื่อนไหว ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพและพยานหลักฐานทั้งหมดเชื่อว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย เนื่องจากอ้างว่าโกรธเคืองและหึงหวงอดีตแฟนสาว
พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ประหารชีวิต,ฐานใช้เอกสารราชการปลอม จำคุก 1 ปี ,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครองครองฯ จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง ฯ จำคุก 2 ปี รวมโทษทั้งหมดแล้วให้ประหารชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต และให้ชดใช้ค่าไร้อุปการะแก่บิดาผู้ตาย จำนวน 171,600 บาท ชดใช้ค่าไร้อุปการะแก่มารดาผู้ตาย จำนวน 249,600 บาท และค่าปลงศพอีก 1 แสนบาทด้วย
Cr. : นายทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // ก.ยุติธรรมจับมือ.พาณิชย์ เซ็น MOU พัฒนาการระงับข้อพิพาทด้านทรัพย์สินทางปัญญา หวังไทยเป็นศูนย์กลางการทำอนุญาโตตุลาการของภูมิภาค
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 7 ธ.ค.63 ที่สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ มีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อพัฒนากระบวนการระงับข้อพิพาทด้านทรัพย์สินทางปัญญา ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญากับสถาบันอนุญาโตตุลาการ กระทรวงยุติธรรม (Thailand Arbitration Center : THAC) โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี พร้อมด้วย นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ผอ.สถาบันอนุญาโตตุลาการ กระทรวงยุติธรรม ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงยุติธรรม และข้าราชการร่วมงาน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลตระหนักถึงการระงับข้อพิพาททางเลือก เช่น การอนุสัญญาโตตุลาการและการประนอมข้อพิพาทหรือการไกล่เกลี่ย เสนอปรับปรุง พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2562 เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการทำอนุญาโตตุลการมากขึ้นในภูมิภาค โดยมุ่งให้การระงับข้อพิพาททางเลือก เป็นกลาง มีอิสระและเป็นที่ยอมรับในสากล ตลอดเวลาการดำเนินการของ THAC มีความเติบโตเป็นอย่างมาก และยังส่งข้อมูลให้รัฐบาล ซึ่งตนได้รับรายงานจากทาง THAC ว่าจะดำเนินการระบบการระงับขอพิพาททางออนไลน์ร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้เข้าถึงได้ง่าย ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเป็นการตอบสนองนโยบาย 4.0 ของรัฐบาลด้วย เมื่อโลกเข้าสู่เทคโนโลยีดิจิทัล ที่จะเป็นเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนประเทศ ตนเชื่อว่าการลงนามความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงานจะช่วยประชาชนได้เป็นจำนวนมาก และจะสะดวกรวดเร็ว สามารถส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยเจริญก้าวหน้าต่อไป
ด้าน นายจุรินทร์ กล่าวมอบนโยบายว่า ทรัพย์สินทางปัญญสถือว่ามีความสำคัญในการพัฒนาการค้า สร้างมูลค่าเพิ่มและโอกาสมทางธุรกิจตลอดมา แต่มีการละเมิดเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ทางการค้าโดยไม่สุจริต ทำให้เกิดข้อพิพาทมากมายอย่างต่อเนื่อง และมีการนำคดีขึ้นสู่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและศาลอื่นๆ ดังนั้นเพื่อไม่ให้คดีรกศาลโดยไม่จำเป็น กรมทรัพย์สินทางปัญญาจึงได้นำอนุสัญญาโตตุลาการมาใช้ ทำให้สะดวกรวดเร็ว เป็นกระบวนการที่ยอมรับของโลก ปัจจุบันมีคดีสำเร็จแล้ว 621 เรื่อง คิดเป็น 54% ของคดีทั้งหมด แต่ช่วงที่ผ่านมานั้นการระงับข้อพิพาททำได้เฉพาะส่วนกลางเท่านั้น ทำให้เกิดอุปสรรคสำหรับผู้ที่อยู่ต่างจังหวัด ดังนั้นวันนี้จึงเป็นทางออกอีกทางที่เป็นรูปธรรมในยุคนิวนอมอล นำระบบออนไลน์มาใช้ ทำให้การเจรจรา รวดเร็ว ประหยัด ตอบโจทย์ผู้ที่อยู่ห่างไกลได้ แต่ยังคงความยุติธรรมไว้ได้ดังเดิม พร้อมเปิดให้บริการ มกราคม 2564 ซึ่งจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน
Cr. : นายทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // การแข่งขันฟุตบอลช้าง เอฟเอ คัพ 2020 รอบ 32 ทีม ที่ สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางแฟนบอล4,223 คน เป็นการพบกันระหว่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับการมาเยือนของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่ทีมจ่าฝูง ศึกไทยลีก
ด้านการจัดทัพฝั่งเจ้าบ้าน “กิเลนผยอง” ส่งผู้เล่นตัวจริงมี สมพร ยศ ลงเฝ้าเสา แผงแนวรับวาง วัฒนากรณ์ สวัสดิ์ละคร, ลูคัส โฮช่า, ศฤงคาร พรมสุภะ และ สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ มิดฟิลด์ส่ง วัฒนา พลายนุ่ม, ฉัตรมงคล ทองคีรี และ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ สร้างสรรค์เกม ส่วนแนวรุกมี สหรัฐ กันยะโรจน์, ซาร์ดอร์ มีซาเยฟ และ ปรเมศย์ อาจวิไล ลงล่าตาข่าย

นาทีที่ 5 เจ้าบ้านได้ประตูขึ้นนำเร็ว จากจังหวะที่ ซาร์ดอร์ มีซาเยฟ ได้บอลหลุดเข้าเขตโทษ ก่อนแปด้วยขวาบอลพุ่งผ่าน ฉัตรชัย บุตรพรม เข้าประตูไป กิเลนผยองยังครองเกมบุกหนัก นาทีที่ 9 วัฒนา พลายนุ่ม กัปตันทีมได้ส่องไกลหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงหลุดเสาแรกออกไปอย่างได้ลุ้น นาทีที่ 25 ทีมเยือน บีจี ปทุม ได้ลุ้นจากลูกยิงหน้าเขตโทษของ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ แต่บอลยังพุ่งข้ามคานออกไปไกล นาทีที่ 38 ทีมเยือนได้ลุ้นประตูตีเสมอ จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาแล้วเป็น วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ ได้เทกตัวขึ้นโขก แต่บอลยังพุ่งตรงตัว สมพร ยศ รับได้ติดมือ นาทีที่ 40 เอสซีจี เมืองทองฯ เกือบได้ประตูเพิ่มเมื่อ ปรเมศย์ อาจวิไล ได้กลับตัวยิงหน้าประตู แต่บอลยังพุ่งติดเซฟ ฉัตรชัย บุตรพรม ออกมาได้หวุดหวิดจบครึ่งเวลาแรก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ออกนำ บีจี ปทุม อยู่ 1-0

ครึ่งหลัง นาทีที่ 64 ทีมเยือนมาได้ประตูตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะบอลโยนมาเสาสอง อันเดรส ตูเญซ ที่ได้เทกตัวขึ้นโขก บอลลอยโด่งเสียบใต้คานเข้าไป
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายใดทำประตูได้ จบเกม 90 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที เพื่อหาผู้ชนะเข้าสู่รอบต่อไป
ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 96 บีจี ปทุม ได้ลุ้นจากลูกยิงไกลหน้าเขตโทษของ สันติภาพ จันทร์หง่อม แต่บอลยังข้ามคานออกหลังไป
นาทีที่ 102 กิเลนผยองได้ประตูขึ้นนำ 2-1 วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ไหลบอลให้ สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ ได้ปั่นในกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม นาทีที่ 106 เป็นโอกาสลุ้นของทีมเยือน โตติ ครอสบอลเข้าเขตโทษให้ สุมัญญา ปุริสาย เทกตัวขึ้นโขก แต่บอลยังข้ามคานออกหลังไป จบเกม 120 นาที เอสซีจี เมืองทองฯ ชนะ บีจี ปทุม ไปอย่างสนุก 2-1 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อพัฒนากีฬาเปตอง เตรียมจัดการแข่งขันเปตอง “มูลนิธิเพื่อพัฒนากีฬาเปตอง โอเพ่น ครั้งที่ 1 ชิงถ้วยเกียรติยศของ “ไกรสีห์ กรรณสูต” นายกสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย และประธานมูลนิธิเพื่อพัฒนากีฬาเปตอง พร้อมเงินบำรุงทีมอีก 5 หมื่นกว่าบาท ประเภทคู่ชายและคู่หญิง ที่ สนามเปตองมูลนิธิเพื่อพัฒนากีฬาเปตอง ซอยรามคำแหง 9 แขงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. วันเสาร์ที่ 19 ธ.ค.2563 เพื่อฉลองสนามเปตองในร่ม(อินดอร์)แห่งใหม่ และผลักดันให้นักเปตองก้าวสู่ระดับนานาชาติ ตามมาตราฐานสากล เปิดรับสมัครแบบโอเพ่นไม่จำกัดจำนวนทีม

นายไกรสีห์ กรรณสูต นายกสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานมูลนิธิเพื่อพัฒนากีฬาเปตอง เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อพัฒนากีฬาเปตอง จัดการแข่งขันเปตอง “มูลนิธิเพื่อพัฒนากีฬาเปตอง โอเพ่น” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีวัตถุประสงต์เพื่อการส่งเสริมนักกีฬาเปตองชาย-หญิงที่มีฝีมือ มีมาตราฐานการเล่นอยู่ในขั้นก้าวหน้า เข้าสู่ระบบนานาชาติ แบบมาตราฐานสากล ตามนโยบายการพัฒนาเปตองของสมาคมกีฬาเปตองฯต่อไป

นายชุริน ภัทรดิลก อุปนายกสมาคมกีฬาเปตองฯ ในฐานะเหรัญญิกมูลนิธิฯ กล่าวว่า การแข่งขันเปตอง “มูลนิธิเพื่อพัฒนากีฬาเปตอง โอเพ่น” ครั้งที่ 1 ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศของ นายไกรสีห์ กรรณสูต นายกสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย และประธานมูลนิธิเพื่อพัฒนากีฬาเปตอง พร้อมเงินบำรุงทีมรวม 56,000 บาท แข่งขัน 2 ประเภทคือ ประเภทคู่ชายและหญิงคู่ ที่ สนามมูลนิธิเพื่อพัฒนากีฬาเปตอง ซอยรามคำแหง 9 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมาหนคร วันเสาร์ที่ 19 ธ.ค.2563

สำหรับประเภทคู่ชายทีมที่ชนะเลิศและรองชนะเลิศดังนี้ ทีมแชมป์จะได้รับถ้วยเกียรติยศฯ พร้อมเงินบำรุงทีม 20,000 นาท อันดับที่ 2 ได้รับถ้วยรางวัลพร้อมเงินบำรุงทีม 1,0000 บาท อันดันที่ 3 รับถ้วยรางวัลพร้อมเงินบำรุงทีม 5,000 บาท ส่วนคู่หญิง ทีมแชมป์ได้รับถ้วยรางวัลพร้อมเงินบำรุงทีม 10,000บาท อันดับที่ 2 รับถ้วยรางวัลพร้อมเงินบำรุงทีม 8,000 บาท อันดับที่ 3 รับถ้วยรางวัลพร้อมเงินบำรุงทีม 3,000 บาท นอกจากนี้ทีมที่ชนะเลิศและรองแชมป์อันดับที่1-2 ทั้งประเภทคู่ชาย-คู่หญิง จะได้รับลูกเปตองมาราธอน รุ่น MRT TOUR-S อีกด้วย

ผู้ที่สนใเข้าร่วมการแข่งขันเปตอง “มูลินิธิเพื่อพัฒนากีฬาเปตอง โอเพ่น” ครั้งที่ 1 สามารถติดต่อสมัครได้ที่ สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย โทร.02-3197622 หรือที่ 097-13611197 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันแข่งขัน โดยไม่จำกัดจำนวนทีม
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // “ฉลามพลังเพลิง” ฟอร์มดุถล่ม “ตะหานน้ำ” 6-1 เนโต้ เบิ้ล 2 เม็ด ทิ้งห่างการท่าเรือ 7 แต้ม ขอชนะอีก 2 นัดฉลองแชมป์ทันที ฝั่ง มอภาคฯ เฮท้ายเกมได้ ธนากร ปิยะปรีชายุทธ กดประตูชัยเฉือนชนะ บีเคซี ปราจีนบุรี ไฮเวย์ 3-2 ขยับขึ้นที่ 11 ส่วน “ก๊อตซิลล่าแดง” อาการโคม่าจมบ๊วยของตาราง
การแข่งขันฟุตซอลไทยลีก 2020 นัดที่ 22 ที่สนามบางกอกอารีนา เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ศึกหนีตาย เมื่อ มอภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อันดับ 12 มี 20 แต้ม พบกับ “ก๊อตซิลล่าแดง” บีเคซี ปราจีนบุรี ไฮเวย์ อันดับบ๊วยที่มี 17 แต้ม
เกมนี้ น.4 สิงห์ไฮเวย์ ออกนำก่อน อติราช สิทธิศักดิ์ กระชากออกซ้ายแล้วปาดไปเสาสอง วรพจน์ พุทไธสง สอดขึ้นมายิง 1-0 มอภาคฯโหมหนัก และ น.10 เจริญพงษ์ ประสารสัตย์ นายประตูของทีมคว้าบอลได้ ตัดสินใจพาบอลออกมาเล่นเอง นอกเขตกระชากผ่านครึ่งสนามก่อนซัดเรียดบอลพุ่งเข้าประตูให้ทีมตีเสมอ 1-1 น.19 มอภาคฯพลิกนำ วิคเตอร์ อคาสซิโอ้ หลุดทางซ้ายจิ้มยิงเข้าเสาสองครึ่งแรก 2-1
ครึ่งหลัง น.23 สุรสิทธิ์ อรุณลึก ตีเสมอ 2-2 นาทีสุดท้าย ธน ากร ปิยะปรีชายุทธ แลบขึ้นมาได้บอลฝั่งซ้ายซัดเต็มข้อส่งบอลเสียบเสาสองเข้าไป มอภาคตะวันออกเฉียงเหนือชนะไป 3-2 เก็บเพิ่ม 23 แต้มขึ้นไปอยู่ที่ 11 ส่วน บีเคซี ปราจีนบุรี ไฮเวย์ จมบ๊วยมี 17 แต้ม
ส่วนอีกคู่ระหว่าง “ตะหานน้ำ” ราชนาวี อันดับ 6 ที่มี 28 แต้ม ไร้ชัยติดต่อกันมา 7 เกม พบกับจ่าฝูง “ฉลามพลังเพลิง” พีทีที บลูเวฟ ชลบุรีมี 57 แต้ม

เกมนี้ “ฉลามพลังเพลิง” เปิดฉากได้ดุแค่ 2 นาที เฮลิโอ เนโต้ ได้จังหวะสับไกซัดทางริมส้นฝั่งขวา ส่งบอลเสียบโคนเสาให้ทีมนำเร็ว 1-0 น.5 มูฮัมหมัด อุสมานมูซา แย่งบอลได้แล้วไหลให้ วรุฒ หวังสะมาแอล กดเข้าไป 2-0 นาทีถัดมา พีทีที บลูเวฟ ได้เตะมุมฝั่งขวา ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน เปิดให้ รณชัย จูงวงษ์สุข อัดด้วยขวาเต็มข้อบอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปอีกเป็น 3-0 ฉลามพลังเพลิง ยังเหนือกว่า น.13 ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน ลากบอลเข้าไปยิงตรงหัวกะโหลกบอลชนเสา แล้วยิงซ้ำเข้าไปเป็น 4-0 ก่อนจบครึ่งแรก
ครึ่งหลังเพียงแค่ 5 น. ราชนาวี ใช้เกมเพาเวอร์เพลย์ลงสู้ ซึ่งก็ยันไว้ได้ดี น.38 ก็มาพลาดเสียบอล เฮลิโอ เนโต้ ส่องไกลเข้าไป 5-0 น.39 ราชนาวี ตีไข่แตกไล่มา1-5 จาก เปาโล บาร์โบซ่า นาทีสุดท้าย ชลบุรี มาบวกเพิ่ม 6-1 จาก อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ จบเกม พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี ถล่ม ราชนาวี 6-1 เก็บเพิ่มเป็น 60 แต้ม รักษาช่องว่างห่าง การท่าเรือฯ 7 แต้มเท่าเดิม โดยขอคว้าชัยอีก 2 นัดก็จะคว้าแชมป์ทันที
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // บรรดาพสกนิกรต่างพร้อมใจร่วมเฝ้ารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชะนะกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พ.ศ.2563 ณ บริเวณมณฑลท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านา โดยมีปวงชนชาวไทย ทุกสายอาชีพ ทั้งชาวบ้านทั่วไป นักการเมือง ศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง และ นักกีฬา เฝ้ารับสเด็จรอบ ๆ ท้องสนามหลวง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ ฝั่งศาลฏีกา จำนวนไม่น้อยกว่า 5 หมื่นคน แต่งกายในชุดเรียบร้อย สวมเสื้อสีเหลือง และ เสื้อสีชมพู เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดี และร่วมจุดเทียนมหามงคล สดุดีเฉลิมพระเกียรติ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชะนะกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ วันชาติ และ วันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งถือเป็นโอกาสมหามงคลยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานและทรงร่วมจุดเทียนมหามงคลในครั้งนี้ ร่วมกับพสกนิกรชาวไทยครั้งแรก
ในการนี้ รัชพล ภู่โอบอ้อม หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย อดีตนักสนุกเกอร์มืออันดับ 3 ของโลก และ นักสนุกเกอร์ทีมชาติไทย ได้ร่วมเป็น 1 ในพสกนิกร ร่วมรับเสด็จในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในช่วงเวลานี้มักจะอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ปีนี้เป็นปีแรก ถือว่าเป็นมหามงคลแก่ชีวิตอย่างยิ่ง มารอตั้งแต่บ่าย ๆ จนถึงเวลา 2 ทุ่ม ถือว่า “คุ้มแสนคุ้ม”
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์