http://www.natethip.com/news.php?id=3391
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

http://www.natethip.com/news.php?id=3390
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

http://www.natethip.com/news.php?id=3389
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

http://www.natethip.com/news.php?id=3388
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

https://timeline.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1160747586910052919
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

พิมพ์ไทยออนไลน์ // นายสมศักดิ์ รมว.ยุติธรรม ผอ.นิติวิทยาศาตร์ เปิดตัวแอป”อยู่ไหน”ติดตามคนหาย- ศพนิรนาม บริการประชาชน ยันสถาบันนิติฯเก็บข้อมูลญาติ”วันเฉลิม”แล้ว พร้อมค้นหา ชี้ทุกคดีต้องทำให้สุดเป็นบรรทัดฐานที่ดี

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 9 ธ.ค. 63 ที่อาคารกระทรวงยุติธรรมแห่งใหม่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงข่าวเปิดตัวแอปพลิเคชัน U-NAI (อยู่ไหน) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมมีบทบาทหน้าที่ในการให้ความเป็นธรรมกับประชาชน  เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาค เท่าเทียม การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ประเด็นสำคัญของการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน คือ กรณีที่มีคนหาย คนนิรนาม หรือศพนิรนาม มีคนถามกันว่า จะติดตามได้อย่างไร มีหน่วยงานไหนที่รับผิดชอบ บางครั้งคนหายถูกฆาตกรรม ถูกลักพาตัว พบเป็นศพในบางพื้นที่ที่ญาติไม่ทราบ และคนที่พบก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร บางครั้งสภาพของศพไม่สามารถบ่งบอกเพศได้และบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร ทำให้ยากต่อการสืบสวนติดตามผู้ที่ถูกฆาตกรรม การพัฒนาระบบแอปพลิเคชัน “อยู่ไหน”เป็นกลไกที่มีมาตรฐานในการทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลคนหาย และการเข้าถึงการบริหารภาครัฐอย่างเสมอภาค เท่าเทียม ตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม ค้นหาคนหาย แจ้งคนหาย ได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งยังสามารถแชร์ภาพและข้อมูลคนหายไปยังสื่อออนไลน์ และติดตามสถานะคดีได้ตลอดเวลา

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มีหน่วยงานกองพัฒนาระบบการติดตามคนหายและการพิสูจน์ศพนิรนาม สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มีหน้าที่ในการจัดเก็บศพ เก็บดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ อัตลักษณ์บุคคล เพื่อสืบสวนหาญาติ สาเหตุการตายของศพที่พบ การมีระบบฐานข้อมูลที่ดีทำให้การติดตามคนหาย ทำได้ง่ายขึ้น และเจ้าหน้าที่จะดึงข้อมูลที่ได้รับแจ้งจาก แอปพลิเคชัน เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลกลางได้เลย บันทึกข้อมูลศพและคนนิรนามเบื้องต้นได้ และยังสามารถสืบค้นข้อมูลและตรวจสอบสถานะคดีได้ ที่ผ่านมาได้รับแจ้งคนสูญหาย 3,170 ราย คนนิรนาม 1,502 ราย และศพนิรนาม 5,360 ศพ ซึ่งแอปพลิเคชัน “อยู่ไหน”จะช่วยเป็นหูเป็นตาในการติดตามคนหาย อย่างกรณี นายสยาม ธีรวุฒิ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ และนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมทางการเมืองที่หายตัวไป เราไม่ทราบว่าหายที่ไหนอย่างไร แต่เราได้เก็บข้อมูลต่างๆจากญาติพี่น้องของเขาไว้แล้ว ซึ่งแอปพลิเคชันนี้จะใช้เป็นข้อมูลและช่วยเป็นหูเป็นตาจนกว่าจะพบตัว

“กระทรวงยุติธรรมต้องการพัฒนางานด้านต่างๆเพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาค เท่าเทียม และสะดวกขึ้น ซึ่งการพัฒนาแอบพลิเคชั่น อยู่ไหน จะต้องมีการออกกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อรองรับการทำงานต่อวัน ซึ่งจากการทดลองระบบระยะหนึ่งถือว่าทำได้ดี และวันนี้เราเปิดใช้อย่างเป็นทางการวันแรก ประชาชนทุกคนสามารถโหลดแอปพลิเคชั่นได้เลย ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน ตอบโจทย์ให้สังคม นอกจากนี้ทุกคดีเราต้องทำให้สุด ไม่ว่าจะคดีเล็กคดีใหญ่”นายสมศักดิ์ กล่าว

Cr. :  นายทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

พิมพ์ไทยออนไลน์//สถาบันอนุญาโตตุลาการ (THAC) ชวนผู้สนใจเข้าร่วมงาน สัมมนา “ฝ่าวิกฤตธุรกิจท่องเที่ยวด้วยการระงับข้อพิพาททางเลือก” ร่วมวิเคราะห์หาแนวทางปรับตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจการท่องเที่ยวเกิดปัญหาขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการจองที่พัก ตั๋วเครื่องบิน หรือการจองทัวร์ เพื่อการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อผู้ประกอบการ และลูกค้า นอกจากนี้ภายในงานสัมมนายังมีการแลกเปลี่ยนความรู้ และแนวทางในการระงับข้อพิพาททางเลือก โดยวิธีการประนอมข้อพิพาท รวมถึงการอนุญาโตตุลาการ เพื่อเป็นแนวทางในการช่วยเหลือสำหรับผู้ประกอบการบริษัททัวร์ โรงแรม และกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ ในวันอังคารที่ 15 ธันวาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 13.00-16.30 น. ณ สถาบันอนุญาโตตุลาการ อาคารภิรัชทาวเวอร์ ชั้น 26 (เอ็มควอเทียร์) ไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 018 1615 หรือ https://thac.or.th/th/seminar/adr-tourism/ :Cr;มณสิการ รามจันทร์

พิมพ์ไทยออนไลน์ // คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย พิจารณาอนุมัติงบช่วยเหลือสโมสรสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนกีฬาเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และ สโมสรยกน้ำหนักบางแก้ว สมาคมกีฬาจังหวัดพัทลุง
นายปรัชญา กีรตินันท์ นายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัยในพื้นที่ภาคใต้ 11 จังหวัด จนทำให้มีน้ำท่วมขังหนักใน 5 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ,นครศรีธรรมราช, ตรัง, พัทลุง และสงขลา สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นฯได้สำรวจพบว่า มี 2 สโมสรสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมในครั้งนี้ คือ โรงเรียนกีฬาเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และ สโมสรยกน้ำหนักบางแก้ว สมาคมกีฬาจังหวัดพัทลุง

จากการสอบถามนายวิโรจน์ คงเคว็จ ผู้ฝึกสอนสโมสรยกน้ำหนักบางแก้ว พบว่า เหตุอุทกภัยครั้งนี้ ทำให้บริเวณพื้นสนามซ้อม เกิดการยุบตัว ตลอดจนคานเหล็ก 5 คาน และลูกยาง 10 ลูก จมน้ำ เนื่องจากมวลน้ำก้อนใหญ่ มาในเวลากลางคืน ทำให้ตนซึ่งอยู่ลำพังในขณะนั้น ขนของหนีน้ำไม่ทัน แม้ขณะนี้นักกีฬาจะฝึกซ้อมกันไม่ได้ แต่ก็เปลี่ยนให้นักกีฬาไปเล่นเวทเทรนนิ่ง เพื่อรักษาสภาพร่างกายให้พร้อม สำหรับการกลับมาฝึกซ้อมเต็มรูปแบบ
ขณะที่โรงเรียนกีฬาเทศบาลเมืองทุ่งสง เพ็ญศิริ เหล่าศิริกุล อดีตนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย เป็นผู้ฝึกสอนที่โรงเรียนดังกล่าว บอกว่า แม้พื้นสนามฝึกซ้อมจะไม่ถูกน้ำท่วม แต่หลังจากเปิดห้องเก็บอุปกรณ์เพื่อสำรวจ พบว่า มีฝนสาดผ่านเข้ามาทางช่องลม ทำให้เครื่องชั่งน้ำหนัก และ แม็กนีเซี่ยม ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คณะกรรมการบริหารจึงได้มีการประชุม และเห็นชอบให้สนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือสโมสรสมาชิกทั้ง 2 แห่ง เป็นการเยียวยาจิตใจ มอบเงินให้สโมสรยกน้ำหนักบางแก้ว 20,000 บาท และ โรงเรียนกีฬาเทศบาลเมืองทุ่งสง 30,000 บาท แม้จะไม่ใช่จำนวนเงินก้อนใหญ่ แต่สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อบรรเทาปัญหาได้ชั่วคราว ก่อนที่สมาคมฯ จะหามาตรการช่วยเหลือลำดับต่อไป

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

พิมพ์ไทยออนไลน์ //  “เสธหมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย เผยว่า ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ถึงผลการประชุมมนตรีซีเกมส์ ด้วยระบบการประชุมทางไกลกับ คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 เวียดนาม เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เรื่องการกำหนดรายการชิงเหรียญทองมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายน-2 ธันวาคม 2564 ซึ่งที่ประชุมสรุปว่าจะบรรจุการแข่งขันทั้งสิ้น 40 ชนิดกีฬา 529 รายการ
ในส่วนของกีฬาจักรยาน เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เวียดนามจะบรรจุเพียงประเภทถนน และเสือภูเขา ชิงชัยกันทั้งสิ้น 12 เหรียญทอง แบ่งออกเป็น ประเภทถนน 7 เหรียญทอง ประกอบด้วย ไครทีเรียม ชาย-หญิง, ไทม์ไทรอัลบุคคล ชาย-หญิง, แมสสตาร์ท บุคคลชาย, แมสสตาร์ท บุคคลหญิง, แมสสตาร์ท ทีมหญิง / ประเภทภูเขา 5 เหรียญทอง ประกบอด้วย ครอสคันทรี่ ชาย-หญิง, ดาวน์ฮิล ชาย-หญิง และ ครอสคันทรี่ทีมรีเลย์

“จะเห็นได้ว่าการจัดรายการชิงเหรียญทองเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การตัดรายการทีมไทม์ไทรอัล ชาย-หญิง และ แมสสตาร์ท ทีมชาย ออกจากการชิงเหรียญทอง เท่ากับตัดโอกาสของทีมชาติไทย นักปั่นเราเป็นตัวเต็งที่จะกวาดเหรียญทอง ประเภทถนน ขณะที่ประเภทเสือภูเขาก็ตัดรายการเมาเท่นไบค์อีลิมิเนเตอร์ออก เราก็เป็นตัวเต็งเหรียญทอง”
นายกสองล้อไทย กล่าวอีกว่า ไม่ว่าเจ้าภาพจะดำเนินการอย่างไร การจัดอีเวนท์การแข่งขัน สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย พร้อมที่จะรับสถานการณ์ทุกรูปแบบ ปัจจุบันนักปั่นไทยก็พัฒนายกระดับฝีเท้าขึ้นจากในอดีต จนเป็นที่จับตาของวงการกีฬาสองล้อเอเชีย และมอบนโยบายให้ฝ่ายเทคนิคของสมาคมฯ วางแผนเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อรับสถานการณ์ซีเกมส์ ครั้งที่ 31 โดยมี “โค้ชตั้ม” พันจ่าอากาศเอก วิสุทธิ์ กสิยะพัท เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนประเภทถนน และเรืออากาศเอก สุภัทร ศรีไสว หัวหน้าผู้ฝึกสอนประเภทเสือภูเขา จัดทำแผนการฝึกซ้อมเตรียมความพร้อม

เบื้องต้น สมาคมกีฬาจักรยานฯ จะให้สิทธิ์ตัวยืนแก่นักปั่นทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่มีผลงานเหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 30 เป็นตัวหลักนขณะที่สตาฟฟ์โค้ชก็จะติดตามสังเกตฟอร์มของนักปั่นดาวรุ่ง จักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ภูมิพล” และจักรยานประเภทเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2564 เพื่อเรียกตัวนักปั่นที่มีผลงานและพัฒนาการเข้าร่วมเป็นนักปั่นทีมชาติไทยอีกทางหนึ่ง เริ่มตั้งแต่สนามที่ 1 ที่ สงขลา วันที่ 15-17 มกราคม 2564 เพลเอกเดชา กล่าวเสริมว่า แนวทางสำคัญการเก็บตัวฝึกซ้อมรับซีเกมส์ ที่ เวียดนาม ก็คือ การแข่งขันกันภายในทีม ประเมินผลและวัดผลการฝึกซ้อมของนักปั่นทีมชาติไทยเป็นระยะ หากผลการฝึกซ้อมนักปั่นรายใดไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่นักปั่นดาวรุ่งหากมีผลงานดีกว่า จะพิจารณาเข้าสู่ทำเนียบทีมชาติไทยทดแทนต่อไป

“ปัจจุบันนักกีฬาจักรยานไทย มีตัวเลือกระดับสูงสุดมากกว่าในอดีต ส่งผลให้สามารถเลือกนักกีฬาที่ดีที่สุด แต่ละรายการได้มากขึ้นและเหมาะสมกับสถานการณ์ แข่งขันจักรยานซีเกมส์ ครั้งที่ 31 จะยึดหลักว่า ยังไม่มีนักปั่นรายใดติดทีมชาติหรือเป็นตัวจริง จนกว่าจะถึงกำหนดการส่งรายชื่อ Entry Form By Name นักปั่นตัวจริงที่จะลงแข่งขันจริง ยึดถือการพิจารณาความเหมาะสม ทั้งเรื่องร่างกาย สภาพจิตใจ และความเหมาะสมกับสภาพสนามแข่งขัน แข่งขันจริงเป็นหลัก มีความเป็นไปได้จะพิจารณาส่งชื่อนักปั่นตัวจริงกันในนาทีสุดท้ายตามที่ระเบียบการแข่งขันกำหนดไว้”

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์