วันพฤหัสบดี, กันยายน 11, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 16

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://linevoom.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1175417947523909864?
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

เดินหน้า “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” จัดธงฟ้าราชบุรีลดสูงสุด 60%

0

https://www.natethip.com/news.php?id=10465
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

 

DITP ดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่ตลาดโลก @ งาน SPLASH – Soft Power Forum 2025 สู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์เชิงพาณิชย์

0

https://www.natethip.com/news.php?id=10464
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://linevoom.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1175409476820978066
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

เชิญชวนร่วมยินดีในโอกาสครบรอบปีที่ 9 เข้าสู่ปีที่10ของ สำนักข่าว Bangkok Wealth & Biz

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//วันเวลาผ่านไปไวปานวอก ขอฝากบอก เพื่อนพ้องน้องพี่ ที่เป็นFCของ คุณภูวนารถ ณ สงขลา บก. บห. Bangkok Wealth & Biz – บก.บห. BANGKOK TODAY และ นายกสมาคมวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ที่เวียนมาบรรจบครบรอบปีที่ 9 พร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่10 บนอุดมการณ์ และจริยธรรมที่มั่นคง และ ตรงไปตรงมาโดยเฉพาะเป็นก้าวเดินในยุค Disrupt ที่สื่อพากันเหนื่อยล้ากันถ้วนหน้า

จากปี 2016 จนถึงวันนี้ครบ9ปีเต็ม สำหรับสำนักข่าว Bangkok Wealth & Biz ที่ยังเดินบนเส้นทางสายสื่อคุณภาพ จึงขอเชิญเพื่อนพ้องน้องพี่ กัลยาณมิตรทุกคนมาร่วมงานBangkok Wealth & Biz ก้าวสู่ปีที่ 10 ในวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2568 ณ หมู่บ้าน ดิ เอมเมอรัลด์ การ์เด้น 1 ปากเกร็ด นนทบุรีพร้อมทั้งร่วมสานต่อโครงการร่วมร้อยดวงใจสู่สังคม ครั้งที่ 8 บริจาคเงินให้กับ โรงพยาบาลอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี สำหรับโครงการ “เพื่อจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับคลินิกรักษ์ไต”

ยังมีเสียงกระซิบที่ส่งมาตามสาย จาก คุณภูวนารถ ณ สงขลา ว่า งานนี้งดรับกระเช้าดอกไม้ยินดี ขอเปลี่ยนเป็นการบริจาคเงินสดเพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลอู่ทอง ไม่ว่าจะเป็นน้องรักนักร้องที่ไม่พกเงินสดสามารถสแกนคิวอาร์โค้ด ได้โดยไม่มีปัญหา !! งานเริ่มตั้งแต่10:30 น.เป็นการพบปะ ทักทาย ถ่ายรูปสังสรรค์ด้วยความผูกพันอันแน่นแฟ้นไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ พอได้เวลา อันสมควรแก่การบำรุงสุขภาพ ก่อนบ่ายอ่อนๆตอน11:45 น. ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ลิ้มรสอาหาร เมนูเด็ดเจ้าเก่า “ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่” ตามคำเรียกร้อง

นอกจากนั้นในปีนี้คุณภูวนารถ ได้มีการมอบต้นไม้ที่ระลึกซึ่งทุกต้นเป็นผลิตผลจากแม่พันธุ์ในบ้านทั้งหมด ในธีม “ต้นไม้ในบ้าน ร่วมรักษ์โลก” มีทั้งไม้ประดับ สมุนไพร และไม้กินไม้ผลหลังจากนั้น เวลา 14:30 น. ปิดงาน
ส่วนการเดินทาง มาร่วมงานก็ไม่ยากอย่างที่คิด ถ้ามาจากสะพานพระราม 4, สะพานพระนั่งเกล้าฯ, ถนนราชพฤกษ์ และถนนชัยพฤกษ์ ปักหมุดชุดแรกที่ “เกาเหลาอากง” เมื่อถึงแล้ว ค่อยปักหมุด “หมู่บ้าน ดิ เอมเมอรัลด์ การ์เด้น 1” เพื่อป้องกันการถูก Map พาไปด้านหลังหมู่บ้านฯ ซึ่งจะเข้าไม่ได้ นะขอบอกอย่าให้ Map มันหลอกก็แล้วกัน ห้ามพลาด !! วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2568 ณ หมู่บ้าน ดิ เอมเมอรัลด์ การ์เด้น 1 ปากเกร็ด นนทบุรี :Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

ไทยรับมือภาษีทรัมป์! เกษตรฯ ชู 3 หลักการปกป้องเกษตรกร พร้อมรักษาขีดความสามารถทางการค้า

0

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในฐานะโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายประจำ) เปิดเผยถึงผลการเจรจาภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยที่อัตราร้อยละ 19 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป โดยอัตราดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากความพยายามในการเจรจาอย่างเข้มข้นของฝ่ายไทยที่ผ่านมา

ซึ่งเป็นผลจากความพยายามในการเจรจาของฝ่ายไทยกับสหรัฐฯ ที่ผ่านมา โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง กรมวิชาการเกษตร และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ได้เข้าร่วมในการกำหนดท่าทีภาคการเกษตร ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิชัย ชุณหวชิร) และกระทรวงพาณิชย์ในฐานะฝ่ายเลขานุการ
ในการเจรจาที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอท่าทีและยึดมั่นในหลักการสำคัญเพื่อปกป้องภาคการเกษตรของประเทศอย่างถึงที่สุด คือ 1.ต้องเกิดผลกระทบน้อยที่สุด การเปิดตลาดใดๆ ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านราคาและการรับซื้อผลผลิตของเกษตรกรในประเทศ 2.ต้องมีมาตรการรองรับที่ชัดเจน รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการที่พร้อมจะนำมาใช้ได้ทันที เพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเกษตรกรในสินค้าแต่ละรายการ และ 3.ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของไทย การดำเนินการทุกขั้นตอนต้องสอดคล้องกับกฎหมายและกฎระเบียบของไทย โดยเฉพาะมาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและไม่ให้กระทบต่อการค้ากับประเทศคู่ค้าอื่นๆ

นอกจากนี้ ไทยยังยึดหลักการพิจารณาการเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้สหรัฐฯ ดังนี้ (1)เป็นสินค้าที่ไทยไม่ผลิต หรือผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ (2) เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับกรอบความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ไทยเคยเจรจาไว้แล้ว (3) เป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยเรียกร้องให้นำเข้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกากถั่วเหลือง และ (4) จะไม่เป็นการเปิดตลาดโดยทันที แต่ให้มีระยะเวลาในการทยอยเปิดตลาดสำหรับสินค้าบางรายการ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดสุดท้ายขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะเจรจาฯ ที่มีรองนายกรัฐมนตรีฯ (นายพิชัย ชุณหวชิร) และกระทรวงพาณิชย์เป็นแกนนำ

นายฉันทานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้จะต้องเผชิญกับอัตราภาษีใหม่ แต่เมื่อวิเคราะห์ในรายละเอียด อัตราภาษี 19% ที่ไทยได้รับนั้น ส่งผลให้ภาพรวมการแข่งขันทางการค้าของไทยในตลาดสหรัฐฯ ดีขึ้นในหลายมิติ โดยเฉพาะในสินค้าที่ไทยมีศักยภาพและส่วนแบ่งการตลาดสูงอยู่แล้ว โดยมีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาด ไทยจะมีความได้เปรียบและสามารถแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากประเทศคู่แข่งที่ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่าเราได้ โดยเฉพาะในสินค้าสำคัญอย่าง ข้าว ปลายข้าว และมะพร้าวอ่อนสด และไทยยังรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันได้ สำหรับสินค้าที่ประเทศคู่แข่งได้รับอัตราภาษีในระดับใกล้เคียงกับไทย เช่น ยางธรรมชาติ ยางแผ่นรมควัน และเนื้อปลาทูน่า-สคิปแจ็คแช่แข็ง ไทยยังคงสามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันไว้ได้เป็นอย่างดี รวมถึงการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามซึ่งมีอัตราภาษีไม่แตกต่างกันมากนัก

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ ตระหนักดีว่าการเปิดตลาดอาจส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตรในประเทศบางรายการ อาทิ เนื้อโค และผลิตภัณฑ์นม ซึ่งอาจมีสินค้าจากสหรัฐฯ เข้ามาในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีมาตรการรองรับผลกระทบจากการเปิดตลาดอย่างรอบคอบ
“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะทำงานเชิงรุกร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับประกอบการเจรจาในรายละเอียดกับฝ่ายสหรัฐฯ ต่อไป พร้อมทั้งจัดทำมาตรการช่วยเหลือ ส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพเกษตรกรอย่างรอบด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าภาคเกษตรของไทยจะได้รับประโยชน์สูงสุดและก้าวผ่านความท้าทายนี้ไปได้อย่างแข็งแกร่ง”

 

 

 

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://linevoom.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1175400740117405030
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

3 ยักษ์ใหญ่ขนส่ง SCGJWD , Flash Express & ไปรษณีย์ไทย ผนึกจุดแข็งส่ง Fuze Post บุกตลาด Cold Chain

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//บริษัทขนส่งโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ SCGJWD ผนึกแนวร่วม Flash Express และไปรษณีย์ไทย ผสานจุดแข็งและความเชี่ยวชาญที่แตกต่าง ก่อตั้ง Fuze Post ให้บริการ Cold Chain Logistics แบบส่งด่วนครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมระบบขนส่งที่เปี่ยมประสิทธิภาพ เปิดโลกขนส่งสินค้าเย็นและสินค้าแช่แข็งให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงและขยายตลาดสร้างฐานลูกค้าเพิ่ม ตอกย้ำกลยุทธ ส่งเย็น ส่งเร็ว ส่งฟิ้วซ์ พร้อมก้าวสู่ผู้นำการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วไทยและอาเซียนต่อไป

คุณบดินท ตัณฑไพบูลย์ Managing Director บริษัท Fuze Post จำกัด กล่าวถึงที่มาของ Fuze Post ว่า “Fuze Post เป็นบริษัทร่วมทุนที่ผนึกแนวร่วมบริษัทพันธมิตรด้านขนส่ง 3 รายใหญ่ของไทย ได้แก่ SCGJWD ที่เป็นผู้ชำนาญด้านคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิและโลจิสติกส์ครบวงจร ร่วมด้วยไปรษณีย์ไทยที่มีโครงข่ายทั่วไทย และจำนวน Drop off ครอบคลุมเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ และ Flash Express ที่เป็นผู้ชำนาญด้าน อีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีด้านการขนส่ง โดยเป็นการรวมจุดเด่นและความชำนาญทั้งสามด้านเข้าด้วยกันสู่บริการของ Fuze Post ที่มุ่งมั่นในการสนับสนุนผู้ประกอบการด้วยบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่อาหารแปรรูป สินค้าทะเล สินค้าแช่เย็น สินค้าแช่แข็ง และสินค้าอื่น ๆอีกมากมาย ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑลและทุกภูมิภาคทั่วไทย ด้วยทีมงานและระบบการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าปลายทางจะได้รับสินค้าที่สดใหม่เสมอ”

คุณเกรียงศักดิ์ ธนาศิรนนท์ ผู้บริหาร บริษัท Fuze post จำกัด กล่าวเสริมเรื่องบริการของ Fuze Post ว่า “เราให้บริการเรื่องขนส่งเย็นตั้งแต่เริ่มต้นไปจนจบกระบวนการ ด้วยทีมงานไปรษณีย์ในพื้นที่ช่วยสนับสนุนเรื่องรถจัดส่งไปยังสถานประกอบการ และจุดรับสินค้า นอกจากนี้ยังมีทีมงานหลังบ้านที่ช่วยติดตามเรื่องการขนส่งในแต่ละวันให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่รวดเร็วและยังคงสภาพสดใหม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องข้อมูล เรามีการรวบรวมข้อมูลด้วยเทคโนโลยีดาต้าเบส ที่เป็นระบบหลังบ้านเชื่อมโยงการจัดส่งข้อมูลของลูกค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ปัจจุบัน Cold Chain Logistics เข้ามายกระดับทำให้ผู้ประกอบการสามารถเปิดตลาดได้ทั่วไทย และยังช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนในพื้นที่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน

คุณคมสันต์ ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ระดับมืออาชีพ ให้บริการครบวงจร ครอบคลุมทั่วไทย และเซาท์ อีส เอเชีย กล่าวถึงความท้าทายของตลาด Cold Chain Logistics ว่า “ตลาด Cold Chain เป็นตลาดที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารสด อาหารทะเล อาหารแช่แข็ง และอาหารอื่น ๆ ส่งผลให้ตลาด Cold Chain ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ที่สำคัญตลาดอีคอมเมิร์ซปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่สินค้าอุปโภคบริโภคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าแช่เย็นที่กำลังมาแรงได้รับความนิยม และเป็นตลาดใหม่ที่น่าจับตา และท้าทายให้ผู้สนใจก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาด สำหรับ Flash Express ด้วยความที่เราเป็นผู้ให้บริการ อีคอมเมิร์ซครบวงจรที่มีบริษัทในเครือหลากหลายธุรกิจเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงได้ร่วมมือกับ SCG JWD และไปรษณีย์ไทย พัฒนาระบบขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิในประเทศไทยให้เติบโตต่อไป โดยการนำเอาศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เรามี เข้ามาขับเคลื่อนในธุรกิจ Cold Chain เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน”

อีกหนึ่งหน่วยงานพันธมิตร SCGJWD คุณชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา CO-CEO SCGJWD ย้ำจุดเด่นธุรกิจส่งเย็นของ Fuze Post ว่า “ธุรกิจ Cold Chain เราทำครบวงจรตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง แตกต่างจากธุรกิจขนส่งเย็นทั่วไปที่ทำเฉพาะขนส่งเพียงอย่างเดียว แต่เรามีศักยภาพในการขยายบริการทั้งเรื่องการนำเข้าและส่งออกสินค้าไปในประเทศต่าง ๆในภูมิภาค ด้วยประสบการณ์ในวงการโลจิสติกส์กว่า 46 ปี ที่เรามีความชำนาญและมีฐานลูกค้าในตลาด B2B ด้านขนส่งเย็นเป็นจำนวนมาก ผนวกกับไปรษณีย์ไทยและ Flash Express ที่มีประสบการณ์ในตลาด B2C การผนึกความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการเสริมศักยภาพเรื่องการขนส่งให้ Fuze Post เจาะกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมทั้ง B2B และ B2C”

ด้านคุณนเรศ ไชยวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานระบบไปรษณีย์และปฏิบัติการนครหลวง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด พูดถึงจุดแข็งของไปรษณีย์ไทยที่มาสู่บริการของ Fuze Post ว่า “ไปรษณีย์ไทยมีโครงข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ เราจึงใช้โครงข่ายมาเป็นจุดแข็งในการให้บริการ Cold Chain โดยมีการปรับ 3 เรื่องหลัก เรื่องแรกคือกระบวนการเรื่องของการรับฝาก ส่งต่อ และนำจ่าย ให้สอดคล้องกับบริการขนส่งเย็น สองเรื่องการวางแผนเรื่องเส้นทางการขนส่ง จุดรับส่ง การขนส่งระหว่างจุดต่อจุด ให้ใช้ระยะทางที่สั้นที่สุด และมีความรวดเร็วมากที่สุด และข้อสามเรื่องบรรจุภัณฑ์ โดยนำแพคเกจจิ้งที่เหมาะสมที่สุดเพื่อช่วยรักษาสินค้าภายในให้เหมาะสมกับการขนส่งเย็น เรามองว่า Fuze Post เป็นโอกาสที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำเพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานด้านส่งเย็นได้อย่างทั่วถึง”

ล่าสุด Fuze Post ร่วมออกบูธเพื่อแนะนำบริการขนส่งเย็นในงาน Smart SME EXPO 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-10 สิงหาคม 2568 ณ ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยนำบริการขนส่งเย็นเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เจาะโอกาสทางธุรกิจขยายตลาดลูกค้าได้กว้างไกลยิ่งขึ้น พร้อมยังให้คำปรึกษาในเรื่องโซลูชั่นส์การขนส่งตั้งแต่ต้นจนจบ ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้ามาลงทะเบียนที่ Fuze Post บูธ B22 กับแคมเปญส่วนลดและบริการพิเศษมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2055-6787 :Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

คปภ. เผยผลสำเร็จโครงการ OIC : Be Smart First Jobber ปีที่ 4 ขยายเครือข่ายสู่ภูมิภาค เสริมสร้างทักษะการเงินคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เปิดเผยถึงผลสำเร็จของโครงการ “การเตรียมความพร้อมสู่วัยทำงานด้วยการประกันภัย OIC : Be Smart First Jobber ปีที่ 4” ที่ขยายเครือข่ายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ โดยจัดขึ้นที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา โครงการ OIC : Be Smart First Jobber ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ และพฤติกรรมอันเหมาะสมด้านการบริหารจัดการทางการเงินและการบริหารความเสี่ยงด้วยการประกันภัยให้แก่เยาวชน

เลขาธิการ คปภ. เน้นย้ำถึงความสำคัญของโครงการว่าการส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยในกลุ่มนิสิตนักศึกษา จะช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจการบริหารความเสี่ยงและการวางแผนการเงินได้ตั้งแต่ในช่วงเริ่มต้นมีรายได้ เปรียบเสมือนการกลัดกระดุมเม็ดแรกได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญให้ประชากรของประเทศมีสุขภาวะการเงินที่ดีในอนาคต พร้อมทั้งเน้นย้ำผลสำเร็จในปีที่ 4 นี้ นายชูฉัตรกล่าวว่าคปภ.ได้ยกระดับโครงการให้มีความพิเศษกว่าทุกปี เพื่อขยายเครือข่ายความรู้ด้านการประกันภัยให้เข้าถึงนิสิตนักศึกษาในส่วนภูมิภาคให้เกิดความเท่าเทียม โดยเป็นครั้งแรกที่ขยายไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และภาคใต้ ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

ทั้งนี้การเลือกพื้นที่จัดงานมีเหตุผลเชิงยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยขอนแก่นซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำและเก่าแก่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีนักศึกษากว่า 40,000 คน ส่วนจังหวัดสงขลาถือเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาของภาคใต้ และมีนักศึกษารวมกันมากกว่า 50,000 คน นอกจากนี้ทั้งสองจังหวัดยังถือเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ การเงิน การประกันภัยของ รวมทั้งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการเติบโตของภูมิภาค

นายชูฉัตรได้กล่าวถึงกิจกรรมภายในโครงการว่าได้ออกแบบกิจกรรมให้สนุก เข้าใจง่าย และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ประกอบด้วย Be Experienced การเสวนาเส้นทางสายอาชีพประกันภัย, Be Prepared การบรรยายเรื่องประกันภัยในทุกจังหวะชีวิต, Be Edutained และ Be Local การพบปะผู้นำทางความคิด, Be Competitive กิจกรรมทดสอบความรู้พร้อมของรางวัลมูลค่ามากกว่า 10,000 บาท และ Be Recruited กิจกรรม Mini Job Fair ที่มีบริษัทและสมาคมกว่า 30 แห่งร่วมงาน รวมถึงผลตอบรับ เลขาธิการ คปภ. เผยว่า “ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โครงการนี้ได้จัดกิจกรรมในสถานศึกษาทั่วประเทศกว่า 10 ครั้ง มีผู้เข้าร่วมทั้งในสถานที่จริงและผ่านระบบออนไลน์มากกว่า 32,000 คน ได้รับคำชื่นชมจากคณาจารย์ นักศึกษา และภาคธุรกิจประกันภัยเป็นอย่างดี” สำหรับความสำคัญของอุตสาหกรรมประกันภัยต่อเศรษฐกิจไทย นายชูฉัตร ระบุว่า “ปัจจุบันอุตสาหกรรมประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมเกือบ 1 ล้านล้านบาท มีสินทรัพย์ลงทุนรวมกว่า 4.6 ล้านล้านบาท มีบุคลากรในสายงานมากกว่า 50,000 คน รวมถึงตัวแทนและนายหน้าประกันชีวิตและวินาศภัยมากกว่า 500,000 ใบอนุญาต การเติบโตของอุตสาหกรรมยังคงมีความต้องการบุคลากรคุณภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

นายชูฉัตรยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “โครงการ OIC : Be Smart First Jobber เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยผลักดัน First Jobber ให้กลายเป็น Future Leader ที่มีคุณภาพของประเทศในอนาคต เราจะมุ่งมั่นยกระดับการจัดงานให้มีความทันสมัย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป เพื่อวางรากฐานชีวิทางการเงินที่มั่นคงให้กับคนรุ่นใหม่ของประเทศไทย” :Cr;มณสิการ รามจันทร์